2 พฤติกรรมของคนญี่ปุ่น ที่ต่างชาติคนเคยมองข้าม แถมบางคนวิจารณ์ว่าแปลก ใครจะคิดว่ากลายเป็น "เคล็ดลับอายุยืน" สุขภาพดี ห่างไกลเบาหวานและมะเร็ง
ญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนมีอายุยืนยาวที่สุดในโลก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังคงมีสุขภาพดีและห่างไกลจากโรคเรื้อรังต่างๆ อย่างน่าทึ่ง ซึ่งนอกจากปัจจัยเรื่องอาหารสุขภาพหรือการแพทย์ที่ทันสมัยแล้ว ยังมีบางพฤติกรรมที่ดูเหมือน "แปลก" ในสายตาคนต่างชาติ โดยเฉพาะเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความสงสัยคนเวียดนาม ตามที่รายงานผ่านทางเว็บไซต์ SOHA
แต่แท้จริงแล้วนิสัย “แปลกๆ” เหล่านี้เอง กลับเป็นกุญแจสำคัญในการยืดอายุและป้องกันโรคร้าย โดยมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนในสัดส่วนของผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีและไม่มีโรคเรื้อรัง ทำให้คนทั่วโลกชื่นชมในเรื่องคุณภาพชีวิตที่ดีและไม่ค่อยเจ็บป่วยเมื่ออายุมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งในเคล็ดลับนั้นคือพฤติกรรม 2 ประการนี้
1. กินข้าวเย็นหรือข้าวค้างหลายวัน – พฤติกรรมที่ถูกมองข้ามแต่ดีต่อสุขภาพ
ในขณะที่คนเวียดนามมักมองว่าข้าวเย็นเป็นของเหลือที่ไม่ดีต่อสุขภาพ คนญี่ปุ่นกลับนิยมกินข้าวเย็นหรือข้าวที่เก็บไว้ในตู้เย็นหลายวัน โดยเฉพาะในกล่องเบนโตะ (ข้าวกล่อง) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินในชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นมาช้านาน
ทำไมคนญี่ปุ่นถึงเลือกกินข้าวเย็น?
-
ลดกลิ่นรบกวนผู้อื่น: วัฒนธรรมญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการไม่รบกวนคนรอบข้าง การกินอาหารร้อนในที่ปิดเช่นในรถไฟหรือออฟฟิศอาจทำให้เกิดกลิ่นแรง ข้าวเย็นช่วยลดกลิ่นได้ดี จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
-
ช่วยควบคุมน้ำหนักและดูแลช่องปาก: ข้าวเย็นทำให้ต้องเคี้ยวนานขึ้น ซึ่งดีต่อการย่อยและช่วยให้รู้สึกอิ่มไว อีกทั้งยังป้องกันการลวกปากจากอาหารร้อน ช่วยให้คนญี่ปุ่นสามารถกินช้า ๆ อย่างมีสติ ซึ่งดีต่อการควบคุมน้ำหนัก
-
ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน: ข้าวที่ถูกทำให้เย็นจะมีโครงสร้างของแป้งเปลี่ยนไป กลายเป็น “แป้งต้านทานการย่อย (Resistant Starch)” ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมกลูโคสในเลือด ลดโอกาสที่ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงหลังมื้ออาหาร ส่งผลให้ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2 โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
2. ไม่ออกกำลังกายแบบจริงจัง แต่ยังมีอายุยืน – เพราะ “การขยับตัวเล็กๆ” สำคัญกว่า
แม้ผลสำรวจจาก The Lancet Global Health ระบุว่า คนญี่ปุ่นกว่า 60% ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเป็นทางการหรือเล่นกีฬาสม่ำเสมอ แต่กลับมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งในผู้สูงอายุ (อายุเกิน 100 ปี) ต่ำมากไม่ถึง 10% นั่นเพราะคนญี่ปุ่นมีวิถีชีวิตที่กระตุ้นให้ร่างกายขยับอยู่เสมอโดยไม่ต้องเข้ายิมหรือเล่นกีฬาโดยตรง
เคล็ดลับอยู่ที่การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เช่น
-
เดินและปั่นจักรยานเป็นกิจวัตร: เด็กญี่ปุ่นกว่า 98% เดินหรือปั่นจักรยานไปโรงเรียน ซึ่งปลูกฝังนิสัยรักการเคลื่อนไหวตั้งแต่เล็ก
-
ใช้ขนส่งสาธารณะ: ผู้ใหญ่ส่วนมากโดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินหรือรถเมล์ ซึ่งต้องเดินเท้าเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสายรถ การเดินไปสถานี ฯลฯ เฉลี่ยแล้วพนักงานออฟฟิศที่นั่นเดินวันละ 1–2 ชั่วโมง
-
ตั้งเป้าเดินวันละ 10,000 ก้าว: เป็นเป้าหมายที่คนญี่ปุ่นจำนวนมากยึดถือ ซึ่งงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคเมตาบอลิก
จะเห็นได้ว่า แทนที่จะบังคับตัวเองให้ไปฟิตเนส คนญี่ปุ่นใช้แนวทาง “ขยับตัวอย่างเป็นธรรมชาติ” ผ่านกิจกรรมเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่เพียงแค่ดีต่อสุขภาพ แต่ยังง่ายต่อการทำอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ท้ายที่สุดแล้ว สองพฤติกรรมที่เคยถูกมองว่า “แปลก” อย่างการกินข้าวเย็นและขยับตัวอยู่เสมอ กลับกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คนญี่ปุ่นมีอายุยืนยาว แข็งแรง และห่างไกลโรคเรื้อรัง เป็นบทเรียนสำคัญที่หลายประเทศ รวมถึงคนไทยอย่างพวกเราด้วย อาจนำมาปรับใช้ในวิถีชีวิตประจำวัน เปลี่ยนมุมมองใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า ไม่ต้องเข้ายิม ไม่ต้องกินร้อนเสมอ ก็อายุยืนได้!
- วิถีชาวญี่ปุ่น ดื่ม 1 สิ่งตอนเช้า ช่วยลดน้ำหนัก ยืดอายุยืนยาว ของดีแต่ราคา "ถูก" มาก!
- ลองคว่ำมือดู หมอเผยชัดๆ หาก "หลังมือ" มี 4 สิ่งนี้ ทำนายได้ว่าจะ "อายุยืนยาว"