6 ของใช้สุดฮิต ถูกแค่ไหนก็ไม่ควรซื้อ! เสี่ยงสารตกค้าง สะสมจนเป็นมะเร็งโดยไม่รู้ตัว

แม้จะประหยัดแค่ไหน ก็อย่าเผลอซื้อของ 6 อย่างนี้ แม้จะราคาถูกแค่ไหน เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ง่าย

การประหยัดเป็นเรื่องดี แต่การประหยัดอย่างฉลาดยิ่งสำคัญกว่า

แม้จะอยากประหยัดแค่ไหน แต่หากเลือกซื้อของบางอย่างเพียงเพราะราคาถูก อาจไม่ได้แค่ผิดหวังในคุณภาพ แต่ยังเสี่ยงต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะการช้อปปิ้งออนไลน์ ที่มักเจอสินค้าราคาล่อตาล่อใจแต่ไร้แหล่งที่มาแน่ชัด อย่างเช่น 6 สิ่งต่อไปนี้ที่ควรระวังเป็นพิเศษ

1. อุปกรณ์รับประทานอาหารสแตนเลสราคาถูก

หลายคนอาจเคยเห็นช้อนส้อมสแตนเลสราคาถูกวางขายเกลื่อนตามเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ แต่รู้หรือไม่ว่า สแตนเลสราคาถูกมักไม่ได้มาตรฐานสำหรับใช้กับอาหาร แถมยังอาจปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น แมงกานีสหรือสารตะกั่ว หากนำมาใช้กับของเปรี้ยวอย่างน้ำส้มสายชู แกง หรือน้ำปลา สารพิษเหล่านี้อาจละลายปนเข้าสู่อาหารได้ง่าย

วิธีสังเกตอุปกรณ์สแตนเลสที่ไม่ปลอดภัย ได้แก่ ไม่มีการระบุชัดเจนว่าเป็นสแตนเลสเกรดอาหาร ใช้ไปไม่กี่ครั้งก็ขึ้นสนิมหรือเปลี่ยนสี นอกจากนี้ คุณสามารถใช้สารตรวจสอบสแตนเลสได้ หากเปลี่ยนเป็นสีแดง แสดงว่าเป็นสแตนเลสคุณภาพต่ำ

เคล็ดลับเลือกซื้อ: ควรเลือกซื้ออุปกรณ์ที่ระบุชัดว่าเป็นสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 จากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ มีข้อมูลชัดเจน อย่าเห็นแก่ของถูกที่ไม่มีที่มาชัดเจน เพราะอาจต้องแลกด้วยสุขภาพในระยะยาว

2. กระดาษชำระและกระดาษเช็ดหน้าที่ไม่มีแบรนด์

กระดาษเช็ดหน้าหรือกระดาษชำระราคาถูกผิดปกติ มักบรรจุในถุงพลาสติกบาง ๆ ดูภายนอกเหมือนสะอาดด้วยสีขาวนวล แต่ความจริงอาจสกปรกกว่าที่คิด เพราะกระดาษเหล่านี้มักผลิตจากกระดาษรีไซเคิล เช่น หนังสือพิมพ์เก่า หรือแม้กระทั่งขยะอุตสาหกรรม

เพื่อให้ดูขาวน่าใช้ กระดาษราคาถูกเหล่านี้มักผ่านกระบวนการฟอกสี และเติมสารเคมี เช่น สารเรืองแสง ผงทัลคัม หรือสารฟอกขาว ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง และหากใช้เป็นประจำในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้

เคล็ดลับเลือกซื้อ: ควรเลือกกระดาษที่ระบุว่า ผลิตจากเยื่อบริสุทธิ์ 100% ไม่มีการฟอกขาว และหลีกเลี่ยงกระดาษที่บรรจุอย่างลวก ๆ หรือไม่มีแหล่งผลิตชัดเจน เพื่อความปลอดภัยของคุณและครอบครัว

3. หมอนยางพาราราคาถูก

หมอนยางพาราแท้ (Latex) ไม่มีทางมีราคาถูกมาก เพราะวัตถุดิบยางพาราธรรมชาตินั้นมีต้นทุนสูง หมอนคุณภาพดีมักมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป ขณะที่หมอนยางพาราราคาถูกที่ขายออนไลน์จำนวนมาก มักเป็นหมอนสังเคราะห์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล โฟมอัดแข็ง หรือยางคุณภาพต่ำ ซึ่งมักมีกลิ่นแรง ยุบตัวง่าย และไร้ความยืดหยุ่น

หากใช้ต่อเนื่อง อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง หรือแม้แต่ปัญหาทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

เคล็ดลับเลือกซื้อ: ควรเลือกแบรนด์ที่ระบุชัดเจนว่าใช้ ยางพาราธรรมชาติในสัดส่วนสูง หลีกเลี่ยงหมอนที่มีกลิ่นฉุน เปื่อยง่าย หรือเปลี่ยนสีเร็ว และหากหมอนมีราคาต่ำกว่า 300 บาท ควรพิจารณาให้รอบคอบ เพราะอาจเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพและเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว

4. น้ำยาซักผ้าและผงซักฟอกไม่มีแบรนด์

น้ำยาซักผ้าราคาถูกหลายชนิดอาจโฆษณาว่า “ขจัดคราบหมดจด” แต่ความจริงกลับซักไม่สะอาด แถมอาจทำให้ผิวระคายเคือง เนื่องจากมักมีสารทำความสะอาดในปริมาณต่ำกว่ามาตรฐาน (บางชนิดมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์) ไม่มีเอนไซม์ช่วยสลายคราบ และมักเติมสารแต่งกลิ่น สารเพิ่มความหนืด รวมถึงสารเรืองแสงเพื่อให้ดูสะอาดเพียงภายนอก

ผลคือซักแล้วคราบยังหลงเหลือ ผิวสัมผัสสารเคมีจนเกิดผื่นคัน และสารตกค้างบนเสื้อผ้าอาจสะสมในร่างกายได้ในระยะยาว

เคล็ดลับเลือกซื้อ: ควรเลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มี แบรนด์เชื่อถือได้ ระบุส่วนผสมชัดเจน และ หลีกเลี่ยงสินค้าตักขาย ไม่มีฉลาก หรือไม่มีฉลากภาษาไทย เพราะนอกจากจะไม่มีคุณภาพ ยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

5. ฟิล์มถนอมอาหาร PVC

ฟิล์ม PVC เป็นฟิล์มห่ออาหารที่ราคาถูกที่สุด และก็มักเป็นตัวการเสี่ยงมากที่สุดเช่นกัน แม้จะดูใส เหนียว ยืดหยุ่นดี แต่ฟิล์มชนิดนี้มักมีส่วนผสมของ สารพลาสติไซเซอร์ (phthalates) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ช่วยให้พลาสติกอ่อนตัว แต่มีความเสี่ยงสูงในการปนเปื้อนสู่อาหาร โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรืออาหารที่มีไขมัน เช่น น้ำมันหรือเนื้อสัตว์ดิบ

สารเหล่านี้อาจรบกวนระบบฮอร์โมนของร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในระยะยาว

เคล็ดลับเลือกซื้อ: ควรเลือกใช้ ฟิล์มถนอมอาหารที่ปราศจาก PVC หรือเลือกฟิล์มที่ระบุชัดว่า “ปลอดสารฟทาเลต” และใช้กับอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อมีการอุ่นหรือแช่แข็งอาหารขณะห่อพลาสติก

สารนี้ได้รับการเตือนจากหลายหน่วยงานว่าอาจรบกวนระบบฮอร์โมน ส่งผลต่อการทำงานของตับ ไต และระบบสืบพันธุ์ หากสัมผัสต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ฟิล์มถนอมอาหารที่ควรเลือกใช้ มี 2 ประเภทที่ปลอดภัยกว่า:

• PE (Polyethylene): ปลอดภัย ไม่ผสมสารทำให้อ่อนตัว แต่ ไม่ควรใช้ในไมโครเวฟ

• PVDC (Polyvinylidene Chloride): ปลอดภัยที่สุด ทนความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับใช้ห่ออาหารที่ปรุงสุกแล้ว

6. ผ้าอนามัยไร้แบรนด์ บรรจุแบบแยกชิ้น

แม้จะดูสะดวกและราคาถูก แต่ผ้าอนามัยที่ไม่มีแบรนด์ชัดเจน บรรจุแบบแยกชิ้น หรือขายเป็นห่อรวมแบบไม่มีฉลาก ถือเป็นสิ่งที่ผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด

มีรายงานหลายกรณีพบว่า ผ้าอนามัยประเภทนี้ผลิตจาก เศษผ้าเก่า สำลีรีไซเคิล หรือแม้แต่ ใยสังเคราะห์ที่ผ่านการฟอกด้วยสารเคมีแรง ซึ่งบางครั้งตรวจพบเชื้อราและแบคทีเรียเกินมาตรฐานหลายร้อยเท่า

ที่น่ากังวลไปกว่านั้น คือมีผู้ใช้บางรายตรวจพบ สารเรืองแสง บริเวณจุดซ่อนเร้น อันเป็นผลมาจากการใช้ผ้าอนามัยคุณภาพต่ำติดต่อกันเป็นเวลานาน

เคล็ดลับเลือกซื้อ: ควรเลือกผ้าอนามัยจาก แบรนด์ที่เชื่อถือได้ มีฉลากครบถ้วน ทั้งชื่อผู้ผลิต วันหมดอายุ และผ่านการรับรองมาตรฐาน อย่าเห็นแก่ของถูกหรือความสะดวก เพราะผลเสียต่อสุขภาพอาจรุนแรงเกินคาด