สถานการณ์ในแวดวงไอทีกำลังปั่นป่วนอย่างหนักในสัปดาห์นี้ หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรแบบเหมาเข่งไปเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวลว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ จะมีการปรับราคาตาม โดยเฉพาะ iPhone ที่มีแนวโน้มจะโดนผลกระทบค่อนข้างมาก ดังนั้นคำถามที่หลายคนคงอยากรู้กันมากที่สุด คงเป็นคำถามที่ว่า iPhone จะแพงขึ้นเป็นเท่าไหร่กันแน่

เราต่างทราบกันดีว่า iPhone เป็นสินค้าที่ถูกออกแบบและพัฒนาในสหรัฐฯ แต่ชิ้นส่วนต่าง ๆ ถูกผลิตโดยบริษัทซัปพลายเออร์ที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน อินเดีย หรือแม้แต่สหรัฐฯ เอง ยกตัวอย่างเช่น
- จอภาพ : Samsung → เกาหลีใต้
- ชิปเซต : TSMC → ไต้หวัน
- หน่วยความจำ : SK hynix → เกาหลีใต้
- สตอเรจ : KIOXIA → ญี่ปุ่น
- กล้อง : Sony → ญี่ปุ่น
- โมเดมเซลลูลาร์ : Qualcomm → สหรัฐฯ
- แบต : ATL → ฮ่องกง
ส่วนการประกอบเครื่องนั้น เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นในจีน และถัดลงมาคืออินเดีย ซึ่ง 2 ประเทศนี้จะถูกปรับภาษีเป็น 54% และ 26% ตามลำดับ มีผลวันที่ 9 เมษายนเป็นต้นไป
จากความซับซ้อนในสายการผลิต ประกอบกับต้นทุนแฝงหลายอย่าง ทำให้การคำนวณราคาใหม่ที่เป็นไปได้ของ iPhone มีความซับซ้อนตามไปด้วย นักวิเคราะห์หลายสำนักจึงคำนวณตัวเลขออกมาแตกต่างกัน ตั้งแต่ 30% ไปจนถึง 43%
ราคาเดิม | ราคาใหม่ | ||
iPhone 16 | 128GB | $799 (฿29,900) | $1,149 (฿42,900) |
256GB | $899 (฿33,900) | $1,289 (฿48,900) | |
512GB | $1,099 (฿41,900) | $1,579 (฿59,900) | |
iPhone 16 Plus | 128GB | $899 (฿34,900) | $1,289 (฿49,900) |
256GB | $999 (฿38,900) | $1,429 (฿55,900) | |
512GB | $1,199 (฿46,900) | $1,579 (฿67,900) | |
iPhone 16 Pro | 128GB | $999 (฿39,900) | $1,429 (฿57,900) |
256GB | $1,099 (฿43,900) | $1,579 (฿62,900) | |
512GB | $1,299 (฿51,900) | $1,859 (฿74,900) | |
1TB | $1,499 (฿59,900) | $2,149 (฿85,900) | |
iPhone 16 Pro Max | 256GB | $1,199 (฿48,900) | $1,719 (฿69,900) |
512GB | $1,399 (฿56,900) | $1,999 (฿81,900) | |
1TB | $1,599 (฿64,900) | $2,289 (฿92,900) |
หากเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุด ราคาเริ่มต้นของ iPhone 16 อาจขยับไป 1,149 ดอลลาร์ (เดิม 799 ดอลลาร์) ส่วน iPhone 16 Pro Max ที่ความจุสูงสุด อาจแตะ 2,289 ดอลลาร์ (เดิม 1,599 ดอลลาร์)
Apple จะแก้ปัญหาอย่างไรได้บ้าง
สำหรับในแง่มุมที่ยังพอหวังได้คือ ผลกระทบที่แท้จริงอาจไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น หรือแอปเปิลอาจยื้อเวลาการขึ้นราคา iPhone ออกไปได้จนถึง iPhone 17 ช่วงปลายปี หากเหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้น
- สหรัฐฯ เจรจาเรื่องภาษีกับประเทศอื่น ๆ ลงตัว จนมีการปรับลดหรือยกเลิกในภายหลัง
- แอปเปิลเร่งกักตุนชิ้นส่วน iPhone ให้ได้มากที่สุดก่อน 9 เมษายน
- แอปเปิลต่อรองราคาชิ้นส่วนกับซัปพลายเออร์รายต่าง ๆ ให้ได้ต้นทุนถูกลง
- แอปเปิลยอมเฉือนเนื้อตัวเองให้มีกำไรลดลง แล้วปรับราคา iPhone ขึ้นเพียงเล็กน้อย
- แอปเปิลปรับสายการผลิตบางส่วนไปสู่ประเทศอื่นที่กำแพงภาษีต่ำกว่าจีน
แม้จุดประสงค์จากนโยบายภาษีของ Trump คือความต้องการผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่าง ๆ กลับคืนสู่ประเทศ แต่การย้ายฐานการผลิต iPhone มายังสหรัฐฯ นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาในระยะยาวแล้ว อาจทำให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิม
สาเหตุเพราะค่าแรงในสหรัฐฯ นั้นสูงกว่าจีนมาก จากที่แอปเปิลจ่ายค่าประกอบ iPhone อยู่ประมาณ 30 ดอลลาร์ต่อเครื่อง อาจต้องเพิ่มเป็น 300 ดอลลาร์ แพงกว่าเดิม 10 เท่า พิจารณาเฉพาะประเด็นนี้ประเด็นเดียว ก็มองไม่เห็นถึงความเป็นไปได้ที่แอปเปิลจะยอมทำตามแล้ว ยังไม่นับว่ากระบวนการโยกย้ายอาจกินเวลาถึง 5 ปี หรือนานกว่า
ส่วนประเทศที่พอมีศักยภาพในการผลิต iPhone คงหนีไม่พ้นอินเดีย ตามที่กล่าวถึงไปแล้ว และอีกแห่งที่เป็นไปได้คือเวียดนาม
iPhone กำลังจะแพงขึ้น เหลือแค่รอเวลา
ตอนนี้สื่อต่างประเทศหลายแห่ง ออกคำแนะนำตรงกันว่าแอปเปิลจะจะขึ้นราคา iPhone แน่ ๆ อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็ว สำหรับผู้ที่อาศัยในสหรัฐฯ แล้วถือ iPhone อยู่ในมือ ให้กอดเอาไว้ให้มั่น อย่าทำหาย อย่าทำพัง และสำหรับคนที่ต้องการซื้อ iPhone เครื่องใหม่ ก็ควรรีบตัดสินใจ ก่อนราคาจะมีการเปลี่ยนแปลง
แต่สำหรับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ราคา iPhone คงไม่ดีดตัวแรงเท่าสหรัฐฯ เนื่องจากแอปเปิลอาจปรับราคาส่งออกลง หากจะจับตารอดูท่าทีไปอีกสักระยะ คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร