หลังจากสร้างชื่อเสียงและฝีไม้ลายมือในบทบาททางการเมืองมาสักพัก Elon Musk ได้ออกมาประกาศแล้วว่า จะลดบทบาทของตัวเองในหน่วยงาน DOGE (Department of Government Efficiency) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป และจะกลับไปทุ่มเทกับ Tesla มากขึ้นเหมือนเดิม ท่ามกลางกระแสกดดันจากนักลงทุนและความไม่พอใจของประชาชนบางส่วน

ในการประชุมรายงานผลประกอบการของ Tesla ครั้งล่าสุด Elon Musk ได้แจ้งกับผู้เข้าร่วมว่า ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป จะทำการลดบทบาทของตัวเองในหน่วยงาน DOGE (Department of Government Efficiency) ลง หลังใช้เวลาร่วมปฏิรูประบบการทำงานและโครงสร้างภาครัฐตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยตั้งใจจะหันกลับมาให้ความสำคัญกับ Tesla เป็นหลัก แต่ก็ยังจะใช้เวลาสัปดาห์ละ 1–2 วัน สนับสนุนงานของรัฐบาลหากยังจำเป็น หรืออาจทำต่อเนื่องจนกว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะพ้นวาระ
ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่เริ่มหนาหูว่า กลับกันแล้วอาจจะต้องถอนตัวจากทำเนียบขาวแบบเต็มตัวในอนาคต เนื่องจากบทบาทที่ปรึกษาพิเศษตามกฎหมายสหรัฐฯ นั้นมีกรอบเวลาการปฏิบัติงานจำกัดไม่เกิน 130 วันเท่านั้น บวกกับกระแสต่อต้านขนาดใหญ่ Tesla Takedown ซึ่งมีผู้ชุมนุมจำนวนมากรวมตัวกันตามโชว์รูมของ Tesla เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการตัดงบประมาณของภาครัฐ และบทบาทในการทำงานของเจ้าตัว

ทางด้าน Elon Musk ก็ยอมรับระหว่างการประชุมว่า ตัวเองต้องเจอกับความยากลำบากที่เกิดจากการต่อต้านของหลายๆ ฝ่าย และเชื่อว่าต้นตอของการประท้วงทั้งหมด “มาจากกลุ่มคนที่เคยได้รับผลประโยชน์จากงบประมาณของรัฐ” ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปฏิรูปของ DOGE
“คนที่ออกมาประท้วงไม่มีวันยอมรับหรอก ว่าสาเหตุของการออกมาประท้วงเป็นเพราะตัวเองเคยได้ประโยชน์จากงบประมาณที่เราตัดไป”
นอกจากนี้เจ้าตัวยังยืนยันเพิ่มอีกด้วย ว่า DOGE ภายใต้การนำของตัวเองสามารถดำเนินการลดงบประมาณ และค่าใช้จ่ายของภาครัฐที่ไม่จำเป็นลงได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขัดแย้งกับรายงานของ The New York Times ซึ่งเคยรายงานว่า DOGE ทำการแก้ไขข้อมูลหรือลบตัวเลขอ้างอิงการประหยัดค่าใช้จ่ายใน “Wall of Receipts” ออกไปเพิ่มถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สุดท้ายนี้ต้องมารอดูกันต่อไปว่า Elon Musk จะสามารถทำตามที่ตัวเองสัญญาไว้ได้มั้ย กับการเลือกลดบทบาทของตัวเองแบบจริงจัง เพื่อกลับมาให้ความสำคัญและโอบอุ้ม Tesla ตามที่นักลงทุนต้องการ
ที่มา : The Verge