กินแล้วผอม? หมอสอนเลือก “หน้าพิซซ่า” ที่ช่วยคุมเบาหวาน-ลดไขมัน-ดีต่อหัวใจ!

6 hours ago 1
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

กินพิซซ่าแล้วผอมลง? หมอเผย “หน้าพิซซ่าแบบนี้” คุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดไขมันในร่างกาย พร้อมแนะนำอาหารอื่นที่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน

หมอจาง เจียหมิง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม ได้แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวผ่านเฟซบุ๊กว่า ในช่วงที่เขาไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา เขามักทานพิซซ่าคู่กับมะเขือเทศเป็นอาหารกลางวันทุกวัน เพราะรู้สึกว่าสะดวก อร่อย และคุ้มค่า แต่เมื่อกลับมาไต้หวันแล้วชั่งน้ำหนัก กลับพบว่าน้ำหนักตัวลดลงไปถึง 10 กิโลกรัมอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่เป็นกุญแจสำคัญ อาจซ่อนอยู่ใน “มะเขือเทศสีแดงธรรมดาๆ” ลูกนั้นก็เป็นได้

ความลับของมะเขือเทศ: ไลโคปีน ไม่ใช่แค่สารอาหารทั่วไป แต่คือเกราะป้องกันความแก่ของร่างกาย

หลายครั้งที่มะเขือเทศเป็นเพียงเครื่องเคียงประดับจานที่เราอาจมองข้าม แต่ในความจริงแล้ว มะเขือเทศกลับอุดมไปด้วย “ไลโคปีน (Lycopene)” ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ไม่ใช่แค่เรื่องไกลตัวของนักศึกษาแพทย์อีกต่อไป แต่เป็นหัวข้อที่วงการแพทย์ให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

ทำไมไลโคปีนจึงโดดเด่น? ไม่ใช่แค่เพราะสีแดงสดของมัน แต่เพราะในยุคที่คนเราต้องเผชิญกับความเครียด พักผ่อนน้อย ทานอาหารนอกบ้านบ่อย ใช้โทรศัพท์มือถือมาก และสัมผัสมลภาวะอยู่ตลอด ทำให้ร่างกายสะสม “อนุมูลอิสระ” ซึ่งเป็นโมเลกุลอันตรายที่สามารถทำลายเซลล์และ DNA นำไปสู่ความแก่ก่อนวัย การอักเสบ และความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

หมอจางระบุว่า ไลโคปีนทำหน้าที่เหมือน “เสื้อเกราะกันกระสุนของเซลล์” โดยสามารถจับและกำจัดอนุมูลอิสระ ลดความเสียหายต่อเซลล์ได้โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งช่องปาก ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่า ไลโคปีนสามารถส่งผลต่อการแสดงออกของยีน และชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็ง จึงไม่น่าเกินจริงที่จะเรียกไลโคปีนว่า “ไฟร์วอลล์ธรรมชาติของโรคมะเร็ง”

ไม่ใช่แค่ป้องกันมะเร็ง แต่ยังช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดและลดไขมัน

แม้คุณอาจไม่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งโดยตรง แต่เคยมีอาการเหล่านี้ไหม? เหนื่อยล้าง่าย แน่นท้องบ่อย ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ทั้งหมดนี้อาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของ “กลุ่มอาการเมตาบอลิก” (Metabolic Syndrome) ซึ่งไลโคปีนก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน โดยมีผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ไลโคปีนสามารถ

  • ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน

  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่

  • ปรับการทำงานของเซลล์ไขมันให้กลับมาเป็นปกติ

พูดง่ายๆ คือ ไลโคปีนช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับน้ำตาลและไขมันได้ดีขึ้น ลดการอักเสบในอวัยวะภายใน และป้องกันการสะสมของไขมัน ซึ่งแม้จะไม่ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วทันใจ แต่กลับเป็นกลไกที่ช่วยให้สุขภาพดีในระยะยาว เป็นสิ่งที่หมอจางเรียกว่า “การปรับพื้นฐานการเผาผลาญ” ไม่ใช่แค่มองหาอาหารเสริมลดความอ้วนแบบเร่งด่วน

ไลโคปีนยังช่วยดูแลหัวใจและหลอดเลือด

โรคหัวใจ ความดันสูง หรือไขมันในเลือด ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะของผู้สูงวัยอีกต่อไป เพราะในปัจจุบัน คนวัยทำงานและคนรุ่นใหม่ต่างก็เผชิญความเสี่ยงนี้จากความเครียด การนอนดึก และพฤติกรรมการกินนอกบ้านเป็นประจำ ไลโคปีนจึงมีบทบาทในด้านนี้ด้วยเช่นกัน โดยมีการค้นพบว่า

  • ลดระดับไขมันเลว (LDL)

  • เพิ่มระดับไขมันดี (HDL)

  • ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวได้ดีขึ้น ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ

ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้คล้ายคลึงกับยาลดความดันหรือยาลดไขมันบางชนิด เพียงแต่ไลโคปีนไม่ใช่ยา แต่เป็นสารธรรมชาติที่สามารถพบได้ง่ายในอาหารประจำวัน

กินมะเขือเทศยังไงให้ได้ประโยชน์จากไลโคปีนมากที่สุด?

หมอจางอธิบายว่า ไลโคปีนเป็นสารอาหารที่ละลายในไขมัน ซึ่งหมายความว่า หากเรากินมะเขือเทศสดๆ โดยไม่ปรุงหรือไม่ใส่น้ำมัน การดูดซึมของร่างกายจะไม่ดีนัก แต่ถ้าเรานำมาผ่านความร้อนเล็กน้อย และเติมน้ำมันเข้าไป เช่น น้ำมันมะกอก การดูดซึมจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ตัวอย่างเมนูที่แนะนำ ได้แก่

  • ไข่เจียวมะเขือเทศ

  • มะเขือเทศผัดกับเนื้อ

  • มะเขือเทศผัดน้ำมันมะกอก

  • ซุปมะเขือเทศเข้มข้น

  • พาสต้าซอสมะเขือเทศ

  • มะเขือเทศบด หรือซอสมะเขือเทศ (ที่ไม่เติมน้ำตาลหรือเกลือมากเกินไป)

อาหารแปรรูปบางชนิด เช่น ซอสมะเขือเทศหรือมะเขือเทศเข้มข้น แม้จะผ่านกระบวนการ แต่ถ้าเลือกสูตรที่ดี ก็ยังเป็นแหล่งไลโคปีนที่เสถียรและให้ประโยชน์ได้ดี

มะเขือเทศลูกเดียว อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสุขภาพ

หลายคนเข้าใจผิดว่าการจะมีสุขภาพดีต้อง “งดน้ำตาล งดไขมัน งดความสุข” แต่ในความจริง การเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องสุดโต่งเสมอไป

บางที จุดเริ่มต้นของสุขภาพ อาจแค่เริ่มจากการเดินเข้าตลาด แล้วซื้อถุงมะเขือเทศมาทำอาหารเองหนึ่งจาน เช่น ไข่เจียวมะเขือเทศก็เพียงพอ เพราะร่างกายจะจดจำความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เหล่านี้ และค่อยๆ ปรับสมดุลให้ดีขึ้น เช่น อนุมูลอิสระลดลง น้ำตาลในเลือดนิ่งขึ้น และลดภาวะอักเสบในระยะยาว

หมอจางสรุปว่า “สุขภาพที่แท้จริง คือผลรวมของการเลือกที่ดีเล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน” และในทุกคำที่เรากินเข้าไป มีพลังในการเปลี่ยนอนาคตของตัวเราเอง

Read Entire Article