แม้อากาศในช่วงนี้จะเย็นฉ่ำจนใครต่อใครคงไม่คิดอยากจะอาบน้ำ แต่สถานการณ์ของ OPPO และ realme กลับเดือดระอุ จากประเด็นแอปเงินกู้ที่ลากยาวมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน และมหากาพย์นี้ยังดำเนินต่อไป ภายหลังการประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (14 ม.ค.)
ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาชี้ช่องว่า ในเบื้องต้นแบงก์ชาติยังไม่มีบทลงโทษ ‘Fineasy’ และ ‘สินเชื่อความสุข’ แต่สามารถเอาผิดทางอาญาได้ เนื่องจากทั้ง 2 แอปได้การดำเนินธุรกิจปล่อยเงินกู้โดยไม่มีใบอนุญาตจากแบงก์ชาติ ซ้ำยังเรียกเก็บดอกเบี้ยจากผู้ใช้งานสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่แอปดังกล่าวมีการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและยิงโฆษณาผ่านมือถือของผู้ใช้งานโดยไม่ได้รับความยินยอม ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฉบับใหม่
ที่มา : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
มีผู้เสียหายเยอะแค่ไหน
การจะระบุตัวเลขผู้เสียหายจาก ‘Fineasy’ และ ‘สินเชื่อความสุข’ ที่ชัดเจนทำได้ยาก เพราะข้อมูลยังมีไม่มากพอ และสภาองค์กรของผู้บริโภคก็แจ้งเพียงว่า ‘มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก’ และ ‘ทยอยร้องเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ’
ลองคำนวณตัวเลขแบบคร่าว ๆ ยอดส่งมอบมือถือในไทยตอนปี 2023 มีจำนวนราว 14.4 ล้านเครื่อง (รายงานของปีก่อนยังไม่ออก) จากการเก็บข้อมูลโดย IDC
ในขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของ OPPO นั้นสลับขึ้นลงระหว่างอันดับ 1 และอันดับ 2 ในช่วงไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 ของปีก่อน อ้างอิงจาก Canalys ดังนี้
- ไตรมาส 1 ส่วนแบ่ง 17%
- ไตรมาส 2 ส่วนแบ่ง 20%
- ไตรมาส 3 ส่วนแบ่ง 24%
เมื่อนำตัวเลขข้างต้นมาคำนวณ ได้ผลลัพธ์ว่า OPPO มีส่วนแบ่งในไทยเฉลี่ย 20.3% หรือคิดเป็น 2.9 ล้านเครื่อง
หากลองตั้งสมมติฐานให้ในจำนวน 2.9 ล้านเครื่องนี้ มีผู้ใช้งาน ‘Fineasy’ หรือ ‘สินเชื่อความสุข’ แม้เพียง 1% จำนวนผู้เสีหายก็อาจสูงได้ถึงเกือบ 3 หมื่นราย (หรือต่อให้ลดเหลือ 0.1% ก็จะเป็น 3,000 ราย ก็ไม่น้อยอยู่ดี)
และต้องไม่ลืมว่าการคำนวณนี้นับเฉพาะยอดขายมือถือ OPPO จากปี 2024 เพียงปีเดียว และค่ายเดียว เครื่องอื่น ๆ จากปีก่อน ๆ ที่ยังมีการใช้งานกันอยู่ รวมถึงมือถือ realme ที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน ไม่ได้ถูกนำมานับ ดังนั้นตัวเลขที่แท้จริงอาจขยับไปสูงกว่านี้ก็ได้
ส่วนคำถามที่ว่า OPPO และ realme จะมีความผิดอะไรไหม ยังเป็นอีกประเด็นที่ต้องติดตามกันต่อไป