จริงหรือ? เว็บนอกเผย เด็กที่มี 3 ลักษณะนี้ จะโตมา "หาเงินเก่ง" มีวาสนาแห่งความมั่งคั่ง!!!

6 days ago 6
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

เด็กที่มี 3 ลักษณะนี้ โตขึ้นมักรวยและหาเงินเก่ง แค่มีอย่างเดียวก็ถือว่า “มีวาสนาแห่งความมั่งคั่ง”

เงินไม่ใช่เรื่องดีหรือร้าย แต่อยู่ที่มุมมองและทักษะของแต่ละคนในการจัดการกับมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก การปลูกฝังแนวคิดเรื่องเงินตั้งแต่ยังเล็ก คือของขวัญที่มีค่าสำหรับอนาคต

หากคุณเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่อยากให้ลูกเติบโตเป็นคนที่หาเงินเก่ง มีอนาคตที่มั่นคง ลองสำรวจดูว่า ลูกของคุณมีลักษณะ 1 ใน 3 ข้อนี้หรือไม่? เพราะงานวิจัยและตัวอย่างจากบุคคลสำเร็จระดับโลกชี้ชัดว่า เด็กที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ มีแนวโน้มสูงมากที่จะเป็น “คนรวย” ในอนาคต

1. รู้สึกว่า "ตัวเองคู่ควรกับสิ่งที่ดี"

เด็กที่มีความรู้สึกว่า "ฉันคู่ควรกับสิ่งดีๆ" จะไม่รีบปฏิเสธโอกาสด้วยคำพูดอย่าง “มันแพงเกินไป” หรือ “ไม่ต้องก็ได้” แต่จะมีปฏิกิริยาเชิงบวก เช่น “ทำยังไงดีนะถึงจะได้สิ่งนี้มา”

ความรู้สึก “คู่ควร” นี้เชื่อมโยงกับแนวคิดทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “คำทำนายที่เป็นจริงในตัวเอง” (Self-fulfilling prophecy) กล่าวคือ เมื่อเด็กเชื่อว่าตัวเองมีคุณค่า พวกเขาจะกล้ารับผิดชอบ กล้าท้าทาย และกล้าเข้าหาโอกาสใหม่ๆ

ตัวอย่างเช่น Jordan Belfort หรือ "หมาป่าแห่งวอลสตรีท" เคยเล่าว่า เขาเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 12 ปี โดยตื่นตีห้าเพื่อไปหาทำเลขายไอศกรีมที่ดีที่สุด และสามารถทำกำไรมากกว่าคนอื่นถึง 3 เท่า เพราะเขาเห็นโอกาสในสิ่งที่คนอื่นมองข้าม

พ่อแม่มีบทบาทสำคัญ หากลูกอยากได้กระเป๋าใหม่ อย่าพูดว่า “บ้านเราจน ไม่มีปัญญาซื้อ” เพราะจะทำให้เด็กรู้สึกอับอายและด้อยค่า แต่ให้บอกว่า “เดี๋ยวเราวางแผนเก็บเงินด้วยกันนะ” เป็นการสอนให้ลูกรู้จักวางแผนและเห็นคุณค่าในตัวเอง

สูตรเปลี่ยนความรู้สึกให้กลายเป็นเงิน: ความรู้สึกคู่ควร → กล้าคว้าโอกาส → เข้าถึงทรัพยากรดีๆ → ได้ผลตอบรับดี → ดึงดูดความมั่งคั่ง

2. มี “Growth Mindset” หรือแนวคิดเติบโต

Carol Dweck นักจิตวิทยาชื่อดังพบว่า เด็กที่มีแนวคิดแบบเติบโต เมื่อเจอปัญหาจะไม่พูดว่า “ฉันโง่เกินไป” แต่จะคิดว่า “เรายังไม่เก่งพอ ต้องลองใหม่อีกครั้ง”

การศึกษาในวารสาร Nature Human Behaviour ปี 2019 พบว่า เด็กที่มี Growth Mindset มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันถึง 18.3% ในวัยผู้ใหญ่

สิ่งที่ต่างกันคือ “การมองปัญหา” – เด็กที่คิดแบบเติบโตจะมองอุปสรรคเป็นโอกาสฝึกฝน ไม่ใช่จุดจบ

ตัวอย่างคือ Elon Musk ที่ล้มเหลวกับจรวด Falcon 1 ถึง 3 ครั้ง แต่กลับใช้โอกาสนั้นเรียนรู้ข้อผิดพลาดอย่างลึกซึ้ง จนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้สำเร็จ เขาเคยพูดว่า “ทุกความล้มเหลวคือของขว้า แม้จะไม่ใช่ของขวัญที่อยากได้ แต่ก็ได้เรียนรู้สิ่งจำเป็นจากมัน”

สูตรเปลี่ยนความล้มเหลวเป็นทรัพย์สิน: ล้มเหลว → เรียนรู้ใหม่ → ปรับกลยุทธ์ → เจอโอกาส → เติบโตต่อเนื่อง

3. มีทักษะ “มองโลกในมุมของคนอื่น”

ในจิตวิทยาเรียกว่า “การแทนที่มุมมอง” (Perspective Taking) คือความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ ความคิด และความต้องการของผู้อื่น เด็กที่มีทักษะนี้มักชอบเล่นสมมติ เล่นขายของ หรือสวมบทบาทต่างๆ

ความสามารถนี้จำเป็นต่อการทำธุรกิจ เช่น เข้าใจลูกค้า เข้าใจทีมงาน และเข้าใจการต่อรอง

การฝึกให้เด็กเล่นบทบาทสมมติ เช่น เล่นเป็นพ่อค้า แม่ค้า หรือฝ่ายบริการลูกค้า ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้การฟังอย่างลึกซึ้ง และเสนอทางออกที่ตรงจุด ซึ่งเป็นทักษะที่ตลาดแรงงานและผู้บริโภคต้องการมากที่สุดในยุคนี้

สูตรเปลี่ยนความเข้าใจเป็นมูลค่า: เข้าใจผู้อื่น → สร้างทางออก → ตรงจุดเจ็บ → ตั้งราคาได้สูง

ความรวยไม่ใช่โชค แต่คือ “พฤติกรรมที่ฝึกได้” มรดกที่ดีที่สุดที่พ่อแม่ให้ลูกได้ อาจไม่ใช่เงินทอง แต่คือทัศนคติที่ใช่ เด็กที่รู้ว่าตนเองคู่ควรกับสิ่งดี, เชื่อว่าความสามารถพัฒนาได้เสมอ และมองเห็นโลกจากมุมมองของคนอื่น คือเด็กที่มี “DNA แห่งความมั่งคั่ง” ฝังอยู่ภายใน ต่อให้ล้ม ก็ลุกได้เร็ว ต่อให้ยาก ก็ไม่ถอย และที่สำคัญพวกเขามองเห็นโอกาสแม้ในวิกฤต

Read Entire Article