ฉี่แบบไหนเสี่ยง "มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ" สัญญาณเตือนที่มาเงียบๆ เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในระบบทางเดินปัสสาวะ
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder cancer) เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในมะเร็งของระบบทางเดินปัสสาวะ พบมากในเพศชาย ช่วงอายุ 50 – 70 ปี เกิดจากเยื่อบุภายในกระเพาะปัสสาวะมีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ จนกลายเป็นก้อนเนื้อขึ้นมา หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องก้อนเนื้อนี้สามารถเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงและต่อมน้ำเหลืองได้
สาเหตุของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
สาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ การสูบบุหรี่ เพราะควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งที่สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และขับถ่ายออกทางกระเพาะปัสสาวะได้ การสูบบุหรี่จึงทำให้กระเพาะปัสสาวะสัมผัสกับสารก่อมะเร็งโดยตรง ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสีและสารเคมีที่มีส่วนประกอบของสารอะนีลีน (aniline) หรือไฮโดรคาร์บอน เช่น สีย้อมผ้า น้ำยาย้อมผม อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและผู้บริโภคขัณฑสกร
นอกจากนี้ การระคายเคืองและการอักเสบเนื่องจากก้อนนิ่ว การใส่สายระบายน้ำปัสสาวะเป็นเวลานานต่อเนื่อง หรือการติดเชื้อพยาธิชนิดหนึ่งที่ชอบไข่อยู่ตามผนังในกระเพาะปัสสาวะจะกระตุ้นให้เซลล์เยื่อบุภายในทางเดินปัสสาวะ เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งขึ้น และผู้ที่เคยรักษามะเร็งอย่างอื่นด้วยวิธีการฉายแสงบริเวณเชิงกรานหรือด้วยเคมีบำบัดก็เป็นสาเหตุชักนำให้เกิดโรคนี้
7 สัญญาณเงียบของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่คุณไม่ควรมองข้าม
1. ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
ในระยะแรกของโรค ผู้ป่วยอาจรู้สึกปวดปัสสาวะถี่มาก แม้เพิ่งเข้าห้องน้ำไปไม่นาน บางรายปวดทุกชั่วโมงแม้ในเวลากลางคืน เนื่องจากก้อนเนื้อในกระเพาะปัสสาวะทำให้เยื่อบุถูกกระตุ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อบีบตัวเร็วขึ้นและเก็บน้ำปัสสาวะได้น้อยลง
2. ปวดปัสสาวะ แต่ปัสสาวะไม่ออกหรือออกน้อยมาก
อาการปวดปัสสาวะกะทันหันแต่ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย อาจเป็นผลจากเนื้องอกอุดกั้นทางเดินปัสสาวะบางส่วน ทำให้เกิดความอึดอัด ไม่สบาย
3. ปวดหลังส่วนล่างหรืออุ้งเชิงกรานโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อมะเร็งลุกลามทะลุเยื่อบุภายใน อาจกระทบต่ออวัยวะใกล้เคียง เช่น ท่อไตหรือกระดูกเชิงกราน ส่งผลให้ปวดตื้อบริเวณเอว สะโพก หรือท้องน้อย ซึ่งไม่ทุเลาแม้พักผ่อนหรือกินยา
4. แสบหรือเจ็บเวลาปัสสาวะ
หากรู้สึกแสบ ร้อน หรือเจ็บขณะปัสสาวะโดยไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อ อาจบ่งชี้ถึงการอักเสบหรือเสียหายของเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะจากเซลล์มะเร็ง
5. ปัสสาวะมีเลือดหรือสีผิดปกติ
อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ "ปัสสาวะเป็นเลือด" ซึ่งอาจมีสีชมพูจาง สีส้ม หรือคล้ายน้ำล้างเนื้อสด โดยมักไม่เจ็บปวด จึงถูกละเลยหรือคิดว่าเป็นโรคอื่น หากมีเลือดปนในปัสสาวะแล้วหายไป แล้วกลับมาอีก นี่คือสัญญาณเตือนรุนแรง
6. น้ำหนักลดหรืออ่อนเพลียโดยไม่มีสาเหตุ
เมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลาม ร่างกายจะเริ่มอ่อนแอจากการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง ส่งผลให้เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ และรู้สึกอ่อนเพลียแม้ได้นอนพักเพียงพอ อาการนี้พบได้ในมะเร็งหลายชนิดรวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
7. แขนหรือขาบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากเนื้องอกกดทับระบบน้ำเหลืองหรือหลอดเลือด อาจทำให้ขาบวม โดยเฉพาะเท้า ข้อเท้า หรือหน้าแข้ง ในบางกรณีอาจพบอาการบวมที่มือ ซึ่งมักเข้าใจผิดว่าเกิดจากการยืนนาน เดินเยอะ หรือโรคข้อ