ชายไม่ดื่มเหล้า แต่กลับเสียชีวิตด้วยโรคตับวาย แพทย์ถอนหายใจ กิน 4 อย่างนี้ทุกวัน ต่อให้ “ตับเหล็ก” แค่ไหนก็พัง
แอลกอฮอล์ไม่ใช่ “ฆาตกร” เพียงรายเดียวของตับ อาหารบางอย่างที่หลายคนชื่นชอบ นึกว่าไม่อันตราย แท้จริงแล้วกลับทำร้ายตับอย่างรวดเร็ว
เมื่อพูดถึงอาหารหรือปัจจัยที่ทำร้ายตับ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงแอลกอฮอล์ทันที นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ครอบครัวและเพื่อนของคุณลุงหลี่ถึงกับตกใจ และบางคนถึงขั้นช็อก เมื่อทราบว่าเขาเป็นโรคตับวาย และสุดท้ายก็เสียชีวิตด้วยโรคนี้ในวัยเพียง 55 ปี
ตามคำบอกเล่าของญาติ ลุงหลี่มักคิดว่าตนเองแข็งแรงดี กินได้นอนหลับ แต่กลับรู้สึกเหนื่อยง่าย เจ็บแน่นชายโครงด้านขวา และท้องโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งอาการเจ็บตับชัดเจนขึ้น ขาบวม ผิวหนังเริ่มเหลืองชัด จึงยอมไปหาหมอ ผลตรวจพบว่าเขาเป็นโรคตับวายเรื้อรัง ทั้งที่แทบไม่แตะต้องแอลกอฮอล์เลย
ช่วงหลัง ๆ อาการของเขาแย่ลงอย่างรวดเร็ว จนต้องเข้ารับการรักษาด่วนด้วยอาการสับสน มือสั่น มีเลือดออกในทางเดินอาหาร และหมดสติจากภาวะสมองถูกทำลาย (hepatic encephalopathy) เนื่องจากสารพิษสะสมในเลือด แม้ทีมแพทย์จะพยายามเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเขาไว้ได้
แพทย์ผู้ดูแลลุงหลี่ กล่าวว่า หลายคนเข้าใจผิดว่ามีแค่มะเร็งตับเท่านั้นที่ทำให้เสียชีวิตได้ แต่ความจริงแล้ว ภาวะตับวายเฉียบพลันหรือเรื้อรังขั้นรุนแรงก็อันตรายถึงชีวิตเช่นกัน เพราะเมื่อตับสูญเสียความสามารถในการขจัดสารพิษ เผาผลาญอาหาร และสร้างโปรตีน ร่างกายจะเริ่มล้มเหลว
ในระยะรุนแรง ตับวายสามารถนำไปสู่ภาวะตับแข็ง เลือดออกในทางเดินอาหาร การติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งภาวะหมดสติจากพิษสะสมในสมอง (ภาวะโคม่าจากตับ) ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคตับ
4 อาหารทำร้ายตับที่หลายคนกินทุกวันโดยไม่รู้ตัว
แพทย์อธิบายเพิ่มเติมว่า ภาวะตับวายของลุงหลี่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่กลับมาจากนิสัยการกินที่ทำร้ายตับไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอาหาร 4 ประเภทที่เขากินเป็นประจำ ได้แก่
1. อาหารขึ้นรา
อาหารที่ขึ้นรา มักมีสารอะฟลาทอกซิน (aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่ก่อมะเร็งตับได้รุนแรง แม้จะบริโภคในปริมาณน้อย สารนี้ก็จะสะสมในตับและทำลายตับเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ หลายคนเข้าใจผิดว่าตัดส่วนที่ขึ้นราออกแล้วจะปลอดภัย แต่ความจริงคือสารพิษได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งชิ้นแล้ว ทำให้ตับต้องทำงานหนักในการขจัดสารพิษ จนค่อย ๆ เสื่อมประสิทธิภาพและนำไปสู่โรคตับในที่สุด
2. ผักดองหรือผักหมักเปรี้ยว
ลุงหลี่ชื่นชอบผักดองและผักหมักเปรี้ยวเป็นพิเศษ กินแทบทุกวันติดต่อกันหลายปี แม้หลังรู้ว่าตัวเองเป็นโรคตับและได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ก็ยังเลิกไม่ได้
ความจริงแล้ว ผักดอง โดยเฉพาะที่หมักแบบเร่ง (หมักไม่นาน) มักมีสารไนไตรต์ (nitrite) สูง ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นไนโตรซามีน (nitrosamine) สารก่อมะเร็งตับที่ร้ายแรง นอกจากนี้ ปริมาณเกลือที่สูงยังทำให้ตับทำงานหนัก เกิดการอักเสบและบาดเจ็บเรื้อรัง จนนำไปสู่ภาวะตับวาย และหากกินต่อเนื่องเป็นเวลานาน ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตับแข็งและมะเร็งตับอีกด้วย
3. น้ำมันทอดซ้ำหลายครั้ง
แพทย์เผยว่า อาหารประเภททอดเองก็ไม่เป็นมิตรกับตับอยู่แล้ว เพราะกินมากอาจทำให้ตับอ่อนแอ เกิดไขมันพอกตับ หรือเสี่ยงต่อมะเร็งตับได้
แต่ที่แย่กว่านั้นคือนิสัยของลุงหลี่ที่มักใช้น้ำมันทอดซ้ำหลายครั้งเพราะต้องการประหยัด น้ำมันที่ผ่านการทอดซ้ำจะเกิดไขมันทรานส์ สารออกซิไดซ์ และสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ซึ่งล้วนเป็นพิษต่อเซลล์ตับ ทำให้ตับอักเสบ เสื่อม และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงในระยะยาว
4. น้ำอัดลม
แม้ลุงหลี่จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่กลับชอบดื่มน้ำอัดลมมาก หลังรู้ว่าตัวเองเป็นโรคตับ เขาพยายามเปลี่ยนมาดื่มน้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาลโดยคิดว่าปลอดภัยกว่า ทั้งที่ความจริงแล้วน้ำอัดลมทุกประเภทล้วนส่งผลเสียต่อตับ
น้ำอัดลมมีปริมาณฟรุกโตสสูง ซึ่งกระตุ้นการสะสมไขมันในตับ ทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายสะสมในระยะยาว ส่วนสูตรไม่มีน้ำตาลที่ใช้สารให้ความหวานเทียม เช่น แอสปาร์แตม หรือซูคราโลส ก็รบกวนการเผาผลาญของร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงต่อไขมันพอกตับและภาวะดื้อต่ออินซูลิน หากดื่มเป็นประจำจะทำให้ตับทำงานหนัก นำไปสู่ตับวายเรื้อรัง ตับแข็ง หรือแม้แต่มะเร็งตับ
นอกจากนี้ สารให้ความหวานเทียมยังสามารถสร้างสารพิษในร่างกาย ทำให้ตับยิ่งต้องแบกรับภาระหนักขึ้นอีก