ทำไมต้องถอดรองเท้า-เข็มขัด-นาฬิกา เมื่อผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยที่สนามบิน?

12 hours ago 3
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

การถอดรองเท้า เข็มขัด นาฬิกา ฯลฯ ก่อนผ่านด่านตรวจความปลอดภัยในสนามบิน เป็นกฎที่ทั้งผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติ แม้จะสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะช่วงคนหนาแน่น แต่เหตุผลก็ชัดเจน

ขั้นตอนนี้มีไว้เพื่อป้องกันการรบกวนสัญญาณจากเครื่องตรวจจับโลหะ เนื่องจากสิ่งของอย่างรองเท้า เข็มขัด นาฬิกา หรือแว่นตา มักมีชิ้นส่วนโลหะ เมื่อเดินผ่านประตูตรวจ เครื่องจะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอ่อน ๆ และหากมีโลหะติดตัว เครื่องจะส่งสัญญาณเตือนทั้งเสียงหรือแสง

ถ้าผู้โดยสารพกโลหะมากเกินไป เช่น เข็มขัดหัวใหญ่หรือนาฬิกาสายสเตนเลส เครื่องตรวจจะเตือนทันที ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตรวจซ้ำด้วยการค้นด้วยมือหรือใช้เครื่องสแกนมือถือ ซึ่งเสียเวลาและเพิ่มความแออัด

นอกจากเรื่องโลหะแล้ว กฎการถอดสิ่งของเหล่านี้ยังเกี่ยวข้องกับเหตุผลด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ด้วย

เข็มขัด

ในบางสถานการณ์ที่เข้มงวด หัวเข็มขัดอาจถูกดัดแปลงให้เป็นมีดพกขนาดเล็ก อาวุธซ่อนเร้น หรือแม้กระทั่งซ่อนวัตถุระเบิดได้

แม้ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะไม่มีเจตนาร้าย แต่ระบบรักษาความปลอดภัยของสนามบินต้องทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัด การให้ถอดเข็มขัดแล้ววางในถาดตรวจ ช่วยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ง่ายขึ้นว่าปลอดภัย และทำให้ขั้นตอนผ่านด่านเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่บางประเทศจะยกเลิกกฎถอดเข็มขัดเมื่อผ่านเครื่องสแกน เช่น สหรัฐฯ หน่วยงานรักษาความปลอดภัยการขนส่ง (TSA) เคยแนะนำว่า หากไม่อยากถอดเข็มขัด ควรใส่กางเกงวอร์มหรือเสื้อผ้าที่ไม่มีส่วนประกอบโลหะมาแทน

นาฬิกาข้อมือ

นาฬิกาโลหะหรือนาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) อาจทำให้เครื่องตรวจจับโลหะส่งสัญญาณเตือนได้ นอกจากนี้ นาฬิกาอัจฉริยะบางรุ่นยังมีส่วนประกอบอย่างแบตเตอรี่ลิเธียม แผงวงจร และเสาอากาศ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น เครื่องเอกซเรย์ หรือเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ในอดีต เคยเกิดคดี “แผนโบจิงกา” (Bojinka Plot) ช่วงปี 1995–1996 ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งผู้ก่อการร้ายดัดแปลงนาฬิกา Casio ให้เป็นตัวตั้งเวลาระเบิด ร่วมกับสารระเบิดไนโตรกลีเซอรินและแบตเตอรี่ 9 โวลต์ 2 ก้อน ซ่อนอยู่ใต้หน้าปัดนาฬิกา เพื่อจุดชนวนระเบิดบนเครื่องบิน โชคดีที่แผนถูกจับได้ก่อนลงมือ

เหตุนี้ สนามบินและหน่วยงานความปลอดภัยจึงกังวลว่านาฬิกาข้อมืออาจถูกใช้พรางตัวเป็นตัวจุดระเบิดจากระยะไกล จึงกำหนดให้ถอดและวางไว้ในถาดตรวจทุกครั้งก่อนผ่านด่านความปลอดภัย

รองเท้า

กฎให้ถอดรองเท้าก่อนผ่านด่านความปลอดภัยของสนามบิน เริ่มต้นจากเหตุการณ์เกือบก่อโศกนาฏกรรมในปี 2001 เมื่อ ริชาร์ด รีด ชาวอังกฤษ ขึ้นเครื่องบินของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ เส้นทางปารีส–ไมอามี โดยซุกซ่อนวัตถุระเบิดชนิด PETN ไว้ในพื้นรองเท้า

เขาพยายามจุดชนวนด้วยการจุดสายชนวนจากไม้ขีดขณะอยู่บนเครื่องบิน โชคดีที่ผู้โดยสารและลูกเรือช่วยกันหยุดยั้งได้ทัน ก่อนที่ระเบิดจะทำงาน เหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รับฉายา “มือระเบิดรองเท้า” (Shoe Bomber)

หลังจากนั้น สนามบินในสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลก จึงเริ่มกำหนดให้ผู้โดยสารถอดรองเท้า โดยเฉพาะรองเท้ากีฬา รองเท้าบูต หรือรองเท้าพื้นหนา เพราะอาจซ่อนอาวุธหรือวัตถุระเบิดที่เครื่องเอกซเรย์ตรวจจับได้ยาก

iStockphoto

กฎใหม่ในสนามบินทั่วโลก

หลังจากใช้มาตรการถอดรองเท้า เข็มขัด นาฬิกา ผ่านด่านความปลอดภัยมาหลายปี กฎเหล่านี้กำลังถูกยกเลิกในหลายประเทศ

ในสหรัฐฯ หน่วยงาน TSA ไม่บังคับให้ผู้โดยสารถอดรองเท้าอีกต่อไป ส่วนในยุโรป สนามบินใหญ่ ๆ อย่างเฮทโธรว์ อังกฤษ, ชาร์ลส์ เดอ โกลล์ ฝรั่งเศส, แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ก็ไม่จำเป็นต้องถอดรองเท้าหรือเข็มขัด หากไม่มีสัญญาณเตือนจากเครื่องสแกน

ในเอเชีย สนามบินอินชอน เกาหลีใต้, นาริตะ ญี่ปุ่น และชางงี สิงคโปร์ หากระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติไม่พบสัญญาณผิดปกติ ผู้โดยสารสามารถเดินผ่านด้วยรองเท้าและไม่ต้องถอดเครื่องประดับอื่น ๆ

สนามบินหลายแห่งนำระบบตรวจสอบความปลอดภัยรุ่นใหม่มาใช้ เช่น เครื่องเอกซเรย์ CT 3 มิติ ที่ให้ภาพหลายมิติ ช่วยตรวจจับวัตถุต้องสงสัยได้ง่ายขึ้น รวมถึงเครื่องตรวจจับสารระเบิดที่สแกนร่องรอยบนรองเท้าหรือกระเป๋าโดยไม่ต้องถอดออก และระบบ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้โดยสารเพื่อตรวจจับความเสี่ยงจากท่าทางแทนการพึ่งพาแค่การตรวจจับวัตถุ

Read Entire Article