นักจิตวิทยาชื่อดัง เตือนผัว-เมียทะเลาะกัน "อย่าพูดประโยคนี้" ถ้าไม่อยากทำลายชีวิตลูก!

3 hours ago 3
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

นักจิตวิทยาชื่อดัง เตือน 5 ประโยค "ต้องห้าม" เพราะคำพูดในช่วงทะเลาะกันของพ่อแม่ อาจกลายเป็นบาดแผลทางใจตลอดชีวิตของลูก

ไม่ใช่แค่การลงไม้ลงมือ แต่ "คำพูด" ของพ่อแม่ ก็สามารถกลายเป็นอาวุธร้ายแรงที่อาจทำลายจิตใจลูกไปตลอดชีวิตได้เช่นกัน ซึ่งมีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กที่ทุกครอบครัวควรตระหนักให้มากขึ้น

Adele Farber นักจิตวิทยาชื่อดังชาวอเมริกัน เคยกล่าวไว้ว่า "อย่าประเมินค่าของคำพูดคุณต่ำเกินไป เพราะมันสามารถเปลี่ยนชีวิตเด็กได้ทั้งชีวิต"

คำพูดจากพ่อแม่ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เด็กมักจะเชื่อว่าเป็นความจริง และซึมซับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนตลอดไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พ่อแม่ทะเลาะกัน คำบางคำที่พูดออกมาโดยไม่ยั้งคิด อาจกลายเป็นรอยแผลลึกในใจลูกได้อย่างไม่อาจลบเลือน

 

“ถ้าไม่ติดว่ามีลูก คงเลิกกันไปนานแล้ว!”

คำพูดนี้อาจหลุดปากในช่วงโมโห แต่ส่งผลร้ายแรงต่อจิตใจลูก เพราะมันทำให้เด็กเกิดความรู้สึกผิด ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาในครอบครัว ผลการวิจัยจากสถาบันวิจัยครอบครัว มหาวิทยาลัยปักกิ่ง พบว่า เด็กที่โตมาในบ้านที่พ่อแม่มักพูดเรื่อง“จะเลิกกัน” มีแนวโน้มเจอปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดในอนาคตสูงถึง 79%

“เธอไม่เคยทำอะไรดีสักอย่าง!”

คำตำหนิที่ดูเหมือนจะสื่อถึงคู่ชีวิต แต่เมื่อพูดต่อหน้าลูก เสียงเหล่านั้นกลายเป็นแรงกระแทกที่ทำให้เด็กสั่นคลอนความรู้สึกปลอดภัย นักประสาทวิทยาเตือนว่า การเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรงทางคำพูด ทำให้เด็กมีแนวโน้มควบคุมอารมณ์ยาก ขาดความมั่นใจ และมองตนเองในแง่ลบ

“ดูพ่อคนอื่นสิ เก่งขนาดนั้น! แล้วพ่อของลูกฉันล่ะ…”

คำเปรียบเทียบที่พ่อหรือแม่ใช้ต่อกัน อาจทำให้เด็กเริ่มตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของคนที่เขารักและไว้ใจมากที่สุด การศึกษาของสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมแห่งประเทศจีน ระบุว่า คำพูดเปรียบเทียบเช่นนี้ไม่เพียงทำลายความสัมพันธ์คู่รัก แต่ยังกระทบต่อความรู้สึกมั่นคงในจิตใจของลูก จนอาจส่งผลยาวนานถึงวัยผู้ใหญ่

“ลูกก็เหมือนพ่อ/แม่แหละ ไม่มีประโยชน์!”

คำพูดดูถูกข้ามรุ่น ไม่เพียงสร้างความเกลียดชัง แต่ยังก่อความสับสนในตัวเด็กว่าเขาเป็นใคร และมีคุณค่าหรือไม่ ข้อมูลจากศูนย์ให้คำปรึกษาครอบครัว มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ระบุว่า 34% ของวัยรุ่นที่เป็นโรคซึมเศร้า เคยเห็นพ่อแม่พูดจาดูหมิ่นกัน และพาดพิงถึงปู่ย่าตายายในทางลบ

“ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ฉันคงไม่แต่งงานกับเธอหรอก!”

ประโยคที่ดูเหมือนเป็นเพียงคำระบายในอารมณ์โกรธ แต่สำหรับเด็ก นี่คือคำตัดสินที่บั่นทอนตัวตนเขา เพราะเขาคือผลลัพธ์ของการแต่งงานนั้น ข้อมูลจากสายด่วนสุขภาพจิตวัยรุ่นในเมืองกวางโจว ชี้ว่า 42.6% ของเด็กที่ทำร้ายตัวเอง เคยได้ยินพ่อแม่ปฏิเสธซึ่งกันและกัน หรือพูดในลักษณะว่าการแต่งงานเป็นความผิดพลาด

คำพูดมีพลังมากกว่าที่คิด ในเวลาที่โกรธจัด เราอาจหลุดพูดอะไรโดยไม่คิด แต่สำหรับเด็ก ทุกคำพูดนั้นคือดาบที่ฟันลึกเข้าไปในใจที่ยังไม่แข็งแกร่งพอจะป้องกันตัวเองได้

ครั้งหน้า หากรู้สึกอยากพูดอะไรแรงๆ ออกมา ลอง “เงียบไว้สัก 10 วินาที” เพราะความเงียบสั้นๆ นี้ อาจช่วยปกป้องลูกของคุณจากบาดแผลทางใจที่อาจตามหลอกหลอนไปทั้งชีวิต

Read Entire Article