นักจิตวิทยาเตือน พฤติกรรมเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม สัญญาณเตือนจากลูกที่ผปค.ต้องรู้

1 week ago 10
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

อย่าว่าคิดว่าเป็นแค่ "เรื่องธรรมดาของเด็ก" นักจิตวิทยาเตือน พ่อแม่อย่ามองข้ามพฤติกรรมลูกที่เป็น "สัญญาณอันตราย"

ลืมเรื่องปีศาจใต้เตียงไปได้เลย ฝันร้ายที่แท้จริงอาจอยู่ที่พฤติกรรมของลูกคุณบนโต๊ะอาหาร หน้าจอมือถือ หรือเวลาที่เขาคิดว่าไม่มีใครเห็น

นักจิตวิทยาเด็กเตือนว่า พ่อแม่ไม่ควรมองข้ามพฤติกรรมบางอย่างว่าเป็นแค่ "เรื่องธรรมดาของเด็ก" เพราะพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่ซ่อนอยู่

อาการน่ากังวล เช่น เบื่ออาหาร ก้าวร้าว หรือแอบเล่นมือถือ อาจบ่งบอกถึงความเครียดหรือปัญหาภายในที่ลึกซึ้ง และอาจต้องการการดูแลมากกว่าแค่การลงโทษเบา ๆ

ดร.เรจิน มูราเดียน นักจิตวิทยา กล่าวในการสัมภาษณ์กับนิตยสาร Parade ว่า “ปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรมเหล่านี้ควรได้รับการดูแลโดยเร็ว ก่อนที่จะลุกลามเมื่อเวลาผ่านไป”

ด้าน ดร.คาร์ลา ซี. แอลแลน หัวหน้าฝ่ายจิตวิทยาโรงพยาบาลเด็กฟีนิกซ์ กล่าวว่า ผู้ปกครองควรรีบปรึกษากุมารแพทย์หากพบ “การพัฒนาล่าช้า หยุดนิ่ง หรือถดถอยของทักษะและความสามารถ” อย่างต่อเนื่อง

cottonbro studio

อีกหนึ่งภัยเงียบในยุคดิจิทัลคือ เมื่อลูกเริ่มเรียกร้องที่จะใช้อินเทอร์เน็ตแบบลับ ๆ

ดร.เบรตต์ บิลเลอร์ นักจิตวิทยาและผู้อำนวยการด้านสุขภาพจิตแห่งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแฮกเคนแซ็ก เตือนว่า “หากคุณสังเกตว่าเด็กที่คุณดูแลพยายามหรือยืนยันจะใช้อินเทอร์เน็ตตามลำพังหรือแบบไม่ให้ใครรู้ นั่นคือสัญญาณว่าคุณควรเข้าไปทำความเข้าใจให้ลึกถึงแรงจูงใจของเขา”

ขณะเดียวกัน หากลูกของคุณมีพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน อย่าเพิ่งรีบคิดว่าเป็นเพราะกำลังโตหรือแค่เลือกกิน

ดร.เดนิเทรีย วอห์น นักจิตวิทยาจาก Thriveworks อธิบายว่า “อาการแบบนี้อาจเป็นสัญญาณของความเครียด ความวิตกกังวล หรือปัญหาการกิน”

พฤติกรรมก้าวร้าว โมโหร้าย หรือใช้ความรุนแรง ก็เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญเช่นกัน ดร.มูราเดียน กล่าวว่า “หากไม่รีบแก้ไข พฤติกรรมลบเหล่านี้อาจติดตัวไปจนถึงวัยประถมและมัธยม”

ผู้ปกครองควรระวังเรื่องการใช้คำหยาบ โดยเฉพาะในการแชตกลุ่ม

ดร.ลาริซา ลิตวิโนฟ นักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่นที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ระบุว่า “ตอนนี้มีการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมมากขึ้น เช่น คำที่เหยียดผู้พิการ เหยียดเชื้อชาติ หรือส่อทางเพศ”

อีกพฤติกรรมที่ไม่ควรมองข้ามคือการกัดเล็บบ่อย ๆ ซึ่งมักเป็นสัญญาณของความเครียดหรือความวิตกกังวล

แต่อย่าลืมว่า ปัญหาอาจไม่ได้เกิดจากตัวเด็กเพียงฝ่ายเดียว

The New York Post รายงานผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตตในปี 2024 ว่าความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ของพ่อแม่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับพฤติกรรมที่มีปัญหาของลูกเช่นกัน

“เราในฐานะพ่อแม่มักตั้งความคาดหวังกับตัวเองไว้สูงมาก” เคต กอลิก ผู้เขียนงานวิจัยกล่าว “แต่ในขณะเดียวกันก็เผลอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ซึ่งมักตามมาด้วยการตัดสินและกดดันตัวเอง”

เมื่อพ่อแม่หมดไฟ ก็มีแนวโน้มจะตะโกน ตี หรือทำให้ลูกรู้สึกผิดมากขึ้น ซึ่งยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง

ดร.เบอร์นาเด็ต เมลนิก รองอธิการบดีฝ่ายสุขภาพ มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต กล่าวว่า “พ่อแม่ที่หมดไฟมักมีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และเครียดมากขึ้น ขณะเดียวกัน ลูกก็มีปัญหาทางพฤติกรรมและอารมณ์ตามไปด้วย”

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่าตื่นตระหนก ให้ค่อย ๆ แก้ปัญหาไปทีละนิสัยอย่างใจเย็น

“โฟกัสที่การปรับพฤติกรรมทีละอย่าง เพื่อไม่ให้ลูกเครียดหรือรู้สึกกดดันเกินไป” ดร.เดนิเทรีย วอห์น นักจิตวิทยาจาก Thriveworks กล่าวกับนิตยสาร Parade “และอย่าลืมส่งเสริมพฤติกรรมดีๆ ด้วยคำชมและกำลังใจเชิงบวก”

อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ

“บางพฤติกรรมหรือสถานการณ์อาจต้องการการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ” ดร.วอห์นเสริม “ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานกับเด็กและวัยรุ่นสามารถช่วยได้ ผ่านการพูดคุยบำบัด หรือการบำบัดด้วยการเล่น”

Read Entire Article