นักวิจัยเผยควรปลูก "พืช" ชนิดใด? ช่วยให้มนุษย์ไม่อดตาย หากเกิดหายนะทำลายโลก

1 week ago 7
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

นักวิจัยเผยควรปลูกพืชชนิดใด ช่วยให้มนุษย์ไม่อดตาย หากเกิดหายนะทำลายโลกอย่างฉับพลัน ทนสภาพอากาศเลวร้าย

เว็บไซต์ livescience.com เปิดเผยงานวิจัยใหม่ชี้ว่า หากคุณอาศัยอยู่ในเมืองขนาดกลางที่มีภูมิอากาศอบอุ่นและโลกต้องเผชิญภัยพิบัติอย่าง ฤดูหนาวนิวเคลียร์ พืชที่เหมาะสมที่สุดในการเพาะปลูกในเมืองคือ ชูการ์บีต และ ผักโขม ส่วนพื้นที่อุตสาหกรรมรอบเมืองควรปลูก ข้าวสาลี 97% และแครอท 3% ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ให้ผลผลิตดีในอุณหภูมิต่ำ

หากเกิดหายนะระดับโลกอย่างฉับพลัน เช่น สงครามนิวเคลียร์ โรคระบาดขั้นรุนแรง หรือ พายุสุริยะ  มนุษย์นับล้านอาจอดตาย แต่ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวณได้แล้วว่า ควรปลูกพืชชนิดใดเพื่อเลี้ยงผู้คนในเมืองให้รอดชีวิต

งานศึกษานี้ ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร PLOS One เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ระบุว่า การปลูกผักโขม ชูการ์บีต ข้าวสาลี และแครอท ในเมืองและพื้นที่ชานเมือง จะสามารถรองรับประชากรในเมืองขนาดกลางในโลกหลังหายนะได้

จุดมุ่งหมายของการศึกษา

นักวิทยาศาสตร์ต้องการหาวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเลี้ยงดูประชากร โดยใช้พื้นที่ให้น้อยที่สุด ภายใต้สถานการณ์เช่นสงครามนิวเคลียร์ โรคระบาดขั้นรุนแรง หรือ พายุสุริยะ โดยเลือกเมืองพาล์เมอร์สตัน นอร์ท ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งมีประชากรราว 90,000 คน เป็นตัวอย่าง

แมตต์ บอยด์ หัวหน้าการศึกษาและผู้อำนวยการวิจัยจาก Adapt Research กล่าวว่า การศึกษานี้ไม่ได้เริ่มจากแรงบันดาลใจทางภูมิรัฐศาสตร์ปัจจุบัน แต่กลับกลายเป็นว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างมาก เพราะโลกทุกวันนี้เผชิญปัจจัยเสี่ยงหลากหลาย ทั้งสงครามในตะวันออกกลางและยุโรป ภัยจาก AI และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น

พืชที่เหมาะสมในสภาวะปกติ vs ฤดูหนาวนิวเคลียร์

  • ในภาวะอากาศปกติ พืชที่ดีที่สุดในเขตเมืองคือ ถั่วลันเตา เนื่องจากให้โปรตีนสูงและใช้พื้นที่เพียง 292 ตร.ม. ต่อคนต่อปี แต่มีข้อเสียคือ ไม่ทนต่ออุณหภูมิต่ำ

  • หากเกิดฤดูหนาวนิวเคลียร์ (แสงอาทิตย์ถูกบดบังจากเขม่าควันในบรรยากาศ) พืชที่ทนทานอย่าง ผักโขมและชูการ์บีต จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

  • บริเวณนอกเมืองควรปลูก มันฝรั่ง ในสภาพอากาศปกติ และปลูก ข้าวสาลี 97% กับแครอท 3% ในช่วงฤดูหนาวนิวเคลียร์

ข้อจำกัดและข้อเสนอ

งานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมของ Google เพื่อคำนวณพื้นที่สีเขียวในเมือง เช่น สนามหญ้า สวนหลังบ้าน และสวนสาธารณะ ซึ่งพบว่าไม่เพียงพอเลี้ยงประชากรทั้งเมืองได้

  • ในสภาวะปกติ เมืองสามารถผลิตอาหารได้เลี้ยงคนเพียง 20% ของประชากร

  • ในฤดูหนาวนิวเคลียร์ จะลดลงเหลือ 16%

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้พื้นที่นอกเมืองเพิ่มขึ้นอีกราว 1 ใน 3 ของพื้นที่เมือง เช่น ในเมืองพาล์เมอร์สตัน นอร์ท ต้องการพื้นที่ราว 1,140 เฮกตาร์ สำหรับปลูกพืช และอีก 110 เฮกตาร์ สำหรับปลูกคาโนลาเพื่อผลิตเชื้อเพลิง

มุมมองนักวิชาการ

เทเรซา โนเจียร์-แมคเร นักนิเวศวิทยาภูมิทัศน์จาก American Farmland Trust ซึ่งไม่ได้ร่วมในวิจัยนี้ กล่าวว่าพื้นที่ใกล้แม่น้ำในเมืองมีดินอุดมสมบูรณ์ ควรใช้ให้เกิดประโยชน์

บอยด์กล่าวทิ้งท้ายว่า งานวิจัยนี้สามารถเป็น "จุดเริ่มต้น" สำหรับการวางนโยบายการเกษตรในเมืองเพื่อความยั่งยืน และชี้ว่า "สิ่งที่ดูเหมาะสมในมุมเศรษฐกิจ อาจไม่เหมาะนักถ้ามองผ่านเลนส์ของความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน"

 

Read Entire Article