ผลไม้สามัญประจำบ้าน คู่ครัวคนไทย ดิบฤทธิ์เย็น-สุกฤทธิ์ร้อน ประโยชน์ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ เมืองนอกมีค่าดั่งทอง
มะละกอ เป็นผลไม้เมืองร้อนที่อุดมไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมระบบขับถ่ายและภูมิคุ้มกัน ส่วนต่าง ๆ ของต้นมะละกอ เช่น ผล ใบ ลำต้น และราก อาจช่วยลดการอักเสบ ส่งเสริมการย่อยอาหาร แก้อาการท้องผูก และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เอนไซม์ปาเปน (papain) ที่พบในมะละกอ ยังถูกนำมาใช้ในการหมักเบียร์ ทำให้เนื้อนุ่ม และรักษาแผลเป็นหรือหูดได้อีกด้วย
มะละกอสามารถกินได้ทั้งดิบและสุก ซึ่งมีคุณประโยชน์และข้อควรระวังที่แตกต่างกัน
มะละกอดิบ
มะละกอดิบ เป็นผลไม้ฤทธิ์เย็น อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และเอนไซม์ที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเอนไซม์ “ปาเปน” ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนและส่งเสริมสุขภาพลำไส้ มะละกอดิบมีวิตามิน C, วิตามิน A, โฟเลต, โพแทสเซียม และใยอาหาร ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ปรับปรุงการย่อยอาหาร ส่งเสริมผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง และช่วยควบคุมน้ำหนัก ทั้งยังมีแคลอรีต่ำแต่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงเหมาะกับการรับประทานเป็นประจำเพื่อสุขภาพโดยรวมที่ดี
มะละกอดิบในต่างแดนมีค่าดั่งทอง
แม้มะละกอดิบจะเป็นของธรรมดาในครัวไทย แต่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแถบยุโรป อเมริกา หรือญี่ปุ่น ราคามะละกอดิบกลับสูงกว่าผลไม้ทั่วไปอย่างมาก เนื่องจากมะละกอเป็นพืชเมืองร้อน ต้องการแสงแดดและอุณหภูมิที่เหมาะสม จึงปลูกได้ดีในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในหลายเมืองใหญ่ในยุโรป มะละกอดิบกลายเป็นของหายากที่จะมีขายในซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชียเท่านั้ ราคาจึงมักสูงถึง 3–7 เท่าจากราคาขายในไทย มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายร้อยบาทต่อลูก
ประโยชน์ของการกินมะละกอดิบ
ตามบทความจาก National Library of Medicine พบว่า Carica papaya มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต่อต้านการติดเชื้อไวรัส ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัส และปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน อาจนำไปใช้พัฒนายาและทางเลือกในการรักษาโรคไวรัสในอนาคตได้ โดยประโยชน์เด่นของมะละกอดิบมีดังนี้
1. ดีต่อระบบย่อยอาหาร : เอนไซม์ปาเปนในมะละกอดิบช่วยย่อยโปรตีน ลดอาการท้องอืด กรดไหลย้อน และแผลในกระเพาะอาหาร เสริมสุขภาพลำไส้ และบำรุงแบคทีเรียดีในระบบย่อยอาหาร
2. ช่วยควบคุมน้ำหนัก : แคลอรีต่ำแต่ไฟเบอร์สูง ทำให้อิ่มนาน ลดการกินจุกจิก อีกทั้งเอนไซม์ในมะละกอยังอาจช่วยสลายไขมัน
3. เสริมภูมิคุ้มกัน : วิตามิน C สูง ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อ และช่วยฟื้นฟูร่างกาย
4. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด : มะละกอดิบมีดัชนีน้ำตาลต่ำ ปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้า ช่วยป้องกันน้ำตาลพุ่งสูง และช่วยให้ตับอ่อนทำงานได้ดีขึ้น
5. ต้านการอักเสบ : อุดมด้วยสารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หรือโรคหัวใจ
6. บำรุงผิวพรรณ : วิตามิน A และ C ช่วยลดริ้วรอย ทำให้ผิวกระจ่างใส ต่อต้านแบคทีเรีย ลดสิว ลดความมันส่วนเกิน
7. ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ :โพแทสเซียมในมะละกอดิบช่วยควบคุมความดันโลหิต ไฟเบอร์ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
8. บรรเทาอาการปวดประจำเดือน : เชื่อว่าการกินมะละกอดิบช่วยคลายกล้ามเนื้อ และลดอาการปวดท้องช่วงมีประจำเดือนได้
9. บำรุงสายตา : วิตามิน A สูง ช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย ส่งเสริมสุขภาพดวงตา
ข้อควรระวังในการกินมะละกอดิบ
-
ยางมะละกอระคายเคืองผิว : ยางจากมะละกอดิบสามารถทำให้เกิดผื่นคัน แสบร้อน หรือระคายเคืองผิวหนังได้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง และล้างให้สะอาดก่อนปรุงอาหาร
-
มีสารไซยาไนด์เล็กน้อย : ในเมล็ดและเนื้อมะละกอดิบมีสารไซยาไนด์ในปริมาณน้อย แต่การบริโภคมะละกอดิบในปริมาณที่ใช้ในการปรุงอาหารทั่วไป เช่น ในส้มตำ มักจะมีปริมาณไซยาไนด์ไม่มากพอที่จะก่อให้เกิดอันตราย แต่ควรหลีกเลี่ยงการกินเมล็ดมะละกอดิบ
-
ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ เอนไซม์ในมะละกอดิบอาจกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก เสี่ยงต่อการแท้งหรือคลอดก่อนกำหนด คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง
-
อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในบางคน บางคนอาจแพ้มะละกอดิบ ทำให้เกิดผื่น บวม หรือปวดท้อง หากเคยมีอาการแพ้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน
มะละกอสุก
มะละกอสุก เป็นผลไม้หาทานได้ง่าย รสชาติหวานอร่อย อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามมะละกอสุกมีฤทธิ์ร้อน ยิ่งสุกมากก็ยิ่งร้อนมาก มีน้ำตาลสูง เอนไซม์ปาเปนที่ช่วยย่อยอาหารนั้นมีน้อยกว่ามะละกอดิบมาก
ประโยชน์ของมะละกอสุก
1. อาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด
มะละกออุดมไปด้วยไลโคปีน (lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (คล้ายเบต้าแคโรทีน) ซึ่งให้สีแดงในผักผลไม้ ไลโคปีนถูกศึกษาว่ามีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งและชะลอการเติบโตของเนื้องอก เช่น มีงานวิจัยที่พบว่าคารอทีนอยด์อาจลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม
มะละกอยังมีวิตามินซีสูง โดยมะละกอสด 1 ถ้วยมีวิตามินซีถึง 88.3 มก. มีการศึกษาพบว่าคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมและได้รับวิตามินซีจากอาหารวันละ 205 มก. จะมีความเสี่ยงน้อยลง 63% เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับเพียง 70 มก. ต่อวัน
ไลโคปีนยังช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองได้ และใยอาหารในมะละกอก็มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลเช่นกัน
2. อาจช่วยชะลอโรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่พบได้บ่อย และเชื่อมโยงกับภาวะความเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายมีอนุมูลอิสระมากเกินไป งานวิจัยบางชิ้นกำลังศึกษาว่าผงมะละกอบ่ม (fermented papaya powder) อาจช่วยต้านอนุมูลอิสระและชะลอความเสื่อมของสมอง โดยพบว่าผู้ที่ได้รับผงมะละกอบ่มนาน 6 เดือน มีสารบ่งชี้ความเสียหายจากออกซิเดชันลดลงถึง 40%
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังมีขนาดเล็ก และผงสกัดมะละกอมีความเข้มข้นสูงกว่าการกินผลสดทั่วไป จึงยังต้องศึกษาต่อเพิ่มเติม
3. ส่งเสริมระบบทางเดินอาหาร
มะละกอสุก มีใยอาหารสูง จึงช่วยเพิ่มกากใยในลำไส้ ส่งผลดีต่อการย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มนาน และป้องกันอาการท้องผูก ริดสีดวงทวาร และโรคลำไส้กลุ่ม diverticular นอกจากนี้ ใยอาหารยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งบางชนิด และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงคอเลสเตอรอล มะละกอมีน้ำถึง 88% ซึ่งเมื่อรวมกับใยอาหาร จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น
4. ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
วิตามินซีในมะละกอช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคและการติดเชื้อต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น โดยวิตามินซีอาจช่วย:
-
ลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรคหวัด
-
ป้องกันหรือชะลอการเกิดมะเร็งบางชนิดและโรคหัวใจ
-
ส่งเสริมสุขภาพเมื่ออายุมากขึ้น
5. ปกป้องสายตาและการมองเห็น
คนมักนึกถึงแครอทเมื่อนึกถึงเบต้าแคโรทีน แต่มะละกอกลับมีมากกว่าถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับแครอทและมะเขือเทศ โดยเบต้าแคโรทีนมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพตา และอาจช่วยชะลอโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ
6. ลดการอักเสบ
อนุมูลอิสระอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และนำไปสู่โรคเรื้อรัง งานวิจัยล่าสุดพบว่าสารสกัดจากมะละกออาจช่วยลดการอักเสบ ชะลอวัย และป้องกันโรคเรื้อรัง โดยลดผลกระทบจากภาวะ oxidative stress
อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการศึกษาต่อเพื่อยืนยันความปลอดภัยในการใช้สารสกัดนี้เป็นยารักษาโรค
ข้อควรระวังในการกินมะละกอสุก
-
ปริมาณน้ำตาล มะละกอสุกมีน้ำตาลตามธรรมชาติ ดังนั้นผู้ที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ควรกินในปริมาณที่เหมาะสมและปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ
-
อาการแพ้ บางคนอาจมีอาการแพ้มะละกอ เช่น มีผื่นคัน ลมพิษ หรืออาการแพ้อื่น ๆ หากมีอาการแพ้ ควรหลีกเลี่ยงการกินมะละกอ
-
ฤทธิ์เป็นยาระบาย การกินมะละกอสุกในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีระบบขับถ่ายไวต่อใยอาหาร