ผักดีแต่ต้องระวัง! 4 ผักยอดฮิต เสี่ยงนิ่วในไต-ไตวาย กินมากไปอันตรายไม่รู้ตัว

1 week ago 5
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

การกินผักดีต่อสุขภาพ แต่มีผัก 4 ชนิดที่หากกินมากเกินไป อาจเสี่ยงนิ่วในไตและไตวาย และผักเหล่านี้ก็พบได้ตามตลาดในไทยเช่นกัน

ผักและอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารเป็นส่วนสำคัญของการกินเพื่อสุขภาพ แต่สำหรับผู้ที่เสี่ยงปัญหาเกี่ยวกับไต ควรเลือกบริโภคอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ

ผักเป็นแหล่งสารอาหารชั้นเยี่ยม อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่สำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไตหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไต ควรระวังการบริโภคผักบางชนิดที่มีออกซาเลตสูง

ออกซาเลตเป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายของคนปกติสามารถขับออกทางปัสสาวะได้โดยไม่เป็นอันตราย แต่หากไตทำงานบกพร่อง สารนี้อาจสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดนิ่วในไต หรือทำให้อาการไตแย่ลง นอกจากนี้ ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูงอีกด้วย

และนี่คือ ผัก 4 ชนิดที่มีออกซาเลตสูง ควรพิจารณาก่อนรับประทาน เพราะหากกินมากอาจเป็นอันตรายต่อไต เสี่ยงนิ่วในไตและไตวาย

Lars H Knudsen

1. มะระขี้นก

มะระขี้นกเป็นผักที่หลายครอบครัวคุ้นเคย นิยมรับประทานเพราะเชื่อว่าช่วยดับร้อนและขับพิษ แต่แม้จะมีประโยชน์ หากกินมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อไตได้เช่นกัน

แต่รสขมของมะระขี้นกก็เป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนไม่ค่อยชอบรับประทาน นอกจากนี้ หากบริโภคในปริมาณมากหรือบ่อยเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไตได้ เพราะในมะระขี้นก 100 กรัม มีกรดออกซาลิกสูงถึง 459 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่ามากเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่น กรดออกซาลิกเมื่อรวมกับแคลเซียมในร่างกายอาจตกผลึกและก่อให้เกิดนิ่วในไต

ดังนั้นควรรับประทานมะระขี้นกในปริมาณที่พอดี เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับไตในระยะยาว

Jacqueline Howell

2. ผักโขม

ผักโขม อุดมไปด้วยวิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งดีต่อดวงตาและระบบภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry พบว่า ใบผักโขมแดง 100 กรัม อาจมีปริมาณออกซาเลตสูงถึง 200–300 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับวิธีการปรุง

ดังนั้นหากคุณเป็นกลุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับไต ควรจำกัดการบริโภคผักโขม และเลือกผักอื่นทดแทน เช่น ผักกวางตุ้งหรือผักบุ้ง พร้อมทั้งล้างผักให้สะอาดเพื่อลดสารตกค้างจากยาฆ่าแมลง

Cassidy Marshall

3. กระเจี๊ยบเขียว

กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักที่หลายคนคุ้นเคย อุดมด้วยใยอาหาร ช่วยควบคุมน้ำหนัก น้ำตาลในเลือด และเสริมสร้างสุขภาพกระดูก อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) ระบุว่า กระเจี๊ยบเขียว 120 กรัม มีออกซาเลตราว 57 มิลลิกรัม แม้จะไม่สูงมาก แต่หากรับประทานในปริมาณมากและบ่อยครั้ง อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต

หากต้องการลดความเสี่ยง สามารถเลือกบริโภคผักอื่นแทน เช่น หน่อไม้ฝรั่ง หรือฟักเขียว ซึ่งดีต่อสุขภาพและปลอดภัยต่อไตมากกว่า

zeynep

4. ผักดองต่าง ๆ

ผักดองต่าง ๆ เป็นอาหารพื้นบ้านที่หลายคนคุ้นเคย กินกับข้าวแล้วอร่อย แต่ตามข้อมูลจากสถาบันโภชนาการแห่งชาติ ผักดองมักผ่านกระบวนการหมักด้วยน้ำเกลือผสมน้ำตาลเพื่อให้เกิดรสเปรี้ยว ในแตงกวาดอง 100 กรัม อาจมีปริมาณโซเดียมสูงถึง 2.5 กรัม ซึ่งถือว่าไม่น้อย ควรบริโภคในปริมาณพอเหมาะ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องระวังเรื่องไต ความดันโลหิต หรือโรคหัวใจ

การรับประทานอาหารที่มีเกลือสูง เช่น ผักดองในปริมาณมาก อาจเพิ่มภาระให้กับหัวใจ ไต และระบบทางเดินปัสสาวะ เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับออก และอาจสูญเสียแร่ธาตุสำคัญอย่างโพแทสเซียมและแคลเซียมร่วมด้วย ส่งผลให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน การเกิดนิ่วในไต และความไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย

ผักและอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารเป็นส่วนสำคัญของการกินเพื่อสุขภาพ แต่อย่าลืมว่า สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับไต การเลือกอาหารอย่างระมัดระวังคือสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพระยะยาว

นอกจากนี้ เพื่อป้องกันการสะสมของออกซาเลตและลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วหรือไตเสื่อม สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำง่ายๆ ดังนี้

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยเจือจางออกซาเลตในปัสสาวะ ลดโอกาสเกิดนิ่วในไต

  • รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม เช่น นม โยเกิร์ต หรือชีส เพราะแคลเซียมจะจับกับออกซาเลตในลำไส้ ช่วยลดการดูดซึมออกซาเลตเข้าสู่กระแสเลือด

  • ลดการบริโภคเกลือ เพราะเกลือมากเกินไปจะเพิ่มภาระให้ไต ทำให้แร่ธาตุในร่างกายเสียสมดุล เสี่ยงนิ่วในไตและไตวาย ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ควรกินเกลือไม่เกินวันละ 5 กรัม

  • ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ หากคุณมีประวัตินิ่วในไตหรือปัญหาไต เพื่อปรับแผนการกินให้เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

Read Entire Article