อัศจรรย์ผาหินยักษ์ ถูกสัตว์ปริศนาแทะจนเป็นรอยคลื่นตระการตา เชื่อผงใช้ทำมวลสารศักดิ์สิทธิ์
วันที่ 27 พ.ย.67 มีผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งได้เปิดเผยภาพ ผาหินที่มีลักษณะถูกกัดกร่อนเป็นรอยลึกเข้าไปในเนื้อหิน จนกลายเป็นลวดลายสวยงามแปลกตา พร้อมกับระบุว่า หินบริเวณนั้นถูกมอดเจาะหิน กัดแกะหรืออาจจะกัดกิน จนทำให้หินมีลักษณะดังกล่าว โดยจุดที่พบเป็นบริเวณยอดเขาจอมทอง ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปสอบถามกับพระครูสุภัทร คุณากร เจ้าอาวาสวัดเขาจอมทอง ซึ่งก็ยอมรับว่ามีสถานที่แห่งนั้นอยู่จริง พร้อมกับนำขึ้นไปดูจุดที่ถูกกล่าวถึง แต่ได้ขอร้องไม่ให้เปิดเผยจุดดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าหากถูกเผยแพร่ระบุจุดออกไปจะทำให้สัตว์ที่เจาะแทะหินถูกรบกวน รวมถึงสถานที่แห่งนี้เสียหาย หรือเกิดอันตรายต่อผู้ที่เข้าไปเยี่ยมชมได้ โดยให้ระบุเพียงว่า จุดดังกล่าวอยู่บริเวณยอดเขาจอมทองเท่านั้น
ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นหน้าผาหินขนาดใหญ่ สูงกว่าตึก 3 ชั้น บริเวณผาหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งหน้ากว้างประมาณ 5–6 เมตร มีร่องรอยการกัดเซาะ คล้ายลักษณะปลวกหรือมอดกันแทะไม้ เซาะก้อนหินไปลึกกว่า 3 เมตร เป็นชั้นๆ มองดูสวยงามคล้ายกับหินที่ถูกระลอกคลื่นซัดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่บริเวณนั้นอยู่สูงกว่าพื้นดินปกติกว่า 200 เมตร และบนพื้นก็พบว่ามีผงหินสีขาวอมชมพูนวลสวยงาม กระจายอยู่ทั่วบริเวณหนาหลายเซนติเมตร
ซึ่งถือเป็นความแปลกประหลาดและเป็นสิ่งที่ถูกธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นอย่างสวยงาม แต่แม้ว่าจะพยายามหาตัวแมลงที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ดังกล่าว ก็ไม่ปรากฏให้เห็นตัวแต่อย่างใด มีเพียงร่องรอยแมลงชนิดหนึ่งซึ่งเจาะฝุ่นเศษผงหินเป็นรังตัวกระจายอยู่ทั่วไปเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านเรียกแมลงเหล่านี้ว่า แมงขุยคุก
พระครูสุภัทร คุณากร เจ้าอาวาสวัดเขาจอมทอง บอกว่า สภาพหินที่เห็นอยู่นี้ ตามที่เล่าสืบต่อกันมาเกิดจากแมลงชนิดหนึ่งที่พากันมากัดกินหินพวกนี้ จนกลายเป็นร่องโพรงลึกอย่างที่เห็น หรือที่เรียกกันว่ามอดเจาะหิน หรือมอดกินหิน ซึ่งส่วนตัวแล้วก็เคยเห็นบ้าง ลักษณะคล้ายกับมอดกินไม้ แต่เหมือนว่าตัวจะใหญ่กว่าเล็กน้อย แต่หาตัวได้ยากมาก ทั้งที่ความจริงแล้วน่าจะมีจำนวนมาก เพราะแต่ละวันจะมีเศษผงหินถูกกัดหล่นลงมาเป็นฝุ่นทั่วบริเวณ สีชมพูนวลสวยงาม ซึ่งผงเหล่านี้ผู้ที่จะทำพระเครื่องก็ชอบที่จะมาขอไปทำมวลสาร
ทั้งนี้ เนื่องจากไม่อยากให้ใครเข้ามากวนมากนัก จึงยังไม่ได้เปิดเผยสถานที่แห่งนี้ให้สาธารณชนได้รูโดยทั่วกัน เพราะไม่เช่นนั้นแมลงเหล่านี้ก็อาจถูกรบกวน อีกทั้งสภาพหินที่ถูกเจาะแลดูสวยงาม ก็อาจจะแตกหัก รวมถึงอาจจะเกิดอันตรายต่อผู้ที่มาเยี่ยมชมได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้บริเวณนี้ยังมีความเชื่อว่า เป็นที่พักอาศัยของฤๅษีตนหนึ่งที่มานั่งบำเพ็ญเพียร จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าถ้ำฤๅษี แต่ก็เป็นเพียงแค่เรื่องราวเล่าลือต่อกันมาเป็นทอดๆ เท่านั้น
- ฮือฮา พระธาตุเสด็จเกาะองค์หลวงปู่ดู่จนเป็นสีชมพู สาธุชนแห่สาธุ เป็นบุญตาที่ได้ชื่นชม
- แห่สาธุ! อภินิหาร "หลวงปู่แหวน" เปิดภาพหลังไฟไหม้ บ้านวอดทั้งหลัง ไม่ระคายพระบนเสา