เปิดพินัยกรรมแม่ ยกที่ดิน 500 ล้านให้ลูกชาย 2 คน ลูกสาวไม่ได้อะไรเลย เอะใจข้อความ "ประโยคเดียว" ฟ้องศาลจนชนะ
หญิงชราวัยเกือบ 90 ปี ในเมืองไถหนาน ประเทศไต้หวัน ได้ทำพินัยกรรมภายใต้การจัดการของลูกชาย 2 คน โดยระบุให้ลูกชายทั้งสองเป็นผู้รับมรดกที่ดินจำนวน 15 แปลง มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 570 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ลูกสาวของหญิงชราได้ยื่นฟ้องศาลเพื่อขอให้พินัยกรรมฉบับดังกล่าวเป็นโมฆะ โดยให้เหตุผลว่าแม่ของเธอรู้หนังสือ แต่ในพินัยกรรมกลับระบุว่า แม่ไม่รู้หนังสือและไม่สามารถเซ็นชื่อได้
ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานและรับฟังคำให้การของฝ่ายลูกสาว ก่อนจะตัดสินว่า พินัยกรรมดังกล่าวไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง จึงถือว่า "ไม่มีผลตามกฎหมาย" ส่งผลให้ทรัพย์มรดกมหาศาลนี้จะต้องถูกแบ่งใหม่ตามกฎหมายมรดก
ในรายละเอียดของคดี ลูกสาวระบุว่า แม่ของเธอมีที่ดินอยู่ 16 แปลง รวมพื้นที่กว่า 10,531 ตารางวา ซึ่งถูกกำหนดให้ตกเป็นของลูกชาย 2 คนตามพินัยกรรมที่ทำขึ้น โดยมีทนายความรับรอง โดยระบุว่าแม่ของเธอ “ไม่รู้หนังสือ” จึงใช้การปั๊มลายนิ้วมือแทนการเซ็นชื่อ
อย่างไรก็ตาม ลูกสาวนำหลักฐานทะเบียนบ้านมายืนยันว่า แม่ของเธอจบการศึกษาระดับ “โรงเรียนประถม” ตามที่ระบุในเอกสารทางราชการ แต่ความจริงแล้วจบระดับ “อาชีวศึกษา” และเคยทำงานธนาคาร รวมถึงดูแลบัญชีธุรกิจครอบครัวในช่วงหลังแต่งงาน เธอยืนยันว่าแม่ของเธอรู้หนังสืออย่างแน่นอน และสามารถเซ็นชื่อได้ จึงฟ้องให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ
ด้านลูกชายทั้งสองยืนยันว่า แม่ของพวกเขาทำพินัยกรรมในขณะที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และพินัยกรรมจัดทำโดยทนายความอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงมีการอ่านและอธิบายเนื้อหาให้ฟังชัดเจน
แต่สุดท้ายศาลตัดสินว่า ในเมื่อทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าแม่ยังมีสติและสามารถเซ็นชื่อได้ การที่พินัยกรรมใช้วิธีปั๊มลายนิ้วมือแทน จึงขัดกับประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 1191 วรรคหนึ่ง ของไต้หวัน ทำให้พินัยกรรมฉบับนี้ “เป็นโมฆะ” โดยชอบด้วยกฎหมาย