"พุทธศาสนสุภาษิต" 99 แคปชั่นวันพระ วันวิสาขบูชา ภาษาบาลีพร้อมคำแปล ข้อคิดเตือนใจจากธรรมะ
พุทธศาสนสุภาษิต คือ ถ้อยคำอันเป็นคติธรรม หรือสุภาษิตที่มาจากพระพุทธศาสนา ซึ่งมักยกมาจากพระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่าง ๆ ในพุทธศาสนา โดยเนื้อหาจะเน้น หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เช่น เรื่องของกรรม ความเพียร ความดี ความชั่ว การอยู่ร่วมกันในสังคม และการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดธรรมะเบื้องต้น
-
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ : คนขยันย่อมหาทรัพย์ได้
-
พาโล อปริณายโก : คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ
-
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ : ตนเป็นที่พึ่งของตน
-
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย : ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์
-
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย : ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า
-
ยถาวาที ตถาการี : พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น
-
สจฺจํ เว อมตา วาจา : คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
-
อิณาทานํ ทุกขํ โลเก : การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก
-
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา : บัณฑิตย่อมฝึกตน
-
ททมาโน ปิโย โหติ : ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
- กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ : ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดเบ็ดเตล็ด
-
สุทสฺสํ วชฺชมญฺเญสํ อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ : ความผิดของผู้อื่นเห็นง่าย ฝ่ายของตนเห็นยาก
-
อาโรคฺยปรมา ลาภา : ความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง
-
ชิฆจฺฉา ปรมา โรคา : ความหิว เป็นโรคอย่างยิ่ง
-
อนิจฺจา วต สงฺขารา : สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ
-
วโส อิสฺสริยํ โลเก : อำนาจเป็นใหญ่ในโลก
-
สพฺพญฺเจ ปฐวึ ทชฺชา นากตญฺญุมภิราธเย : ถึงให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ยังคนอกตัญญูให้จงรักไม่ได้
-
อุกฺกฏฺเฐ สูรมิจฺฉนฺติ : ในเวลาคับขัน ย่อมต้องการคนกล้า
-
อาปทาสุ ถาโม เวทิตพฺโพ : กำลังใจพึงรู้ได้ในคราวมีอันตราย
-
นาญญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย : ไม่ควรอาศัยผู้อื่นเป็นอยู่
-
พลํ จนฺโท พลํ สุริโย พลํ สมณพฺราหฺมณา พลํ เวลา สมุทฺทสฺส พลาติพลมิตฺถิโย : พระจันทร์ พระอาทิตย์ สมณพราหมณ์ และฝั่งทะเล ต่างก็มีกำลัง, แต่สตรีมีกำลังยิ่งกว่ากำลัง (เหล่านั้น)
-
ยํ ลทฺธํ เตน ตุฏฺฐพฺพํ : ได้สิ่งใด พอใจด้วยสิ่งนั้น
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดบุคคล
-
อิตฺถี ภณฺฑานมุตฺตมํ : สตรีเป็นสูงสุดแห่งสิ่งของทั้งหลาย
- อตฺตานํ นาติวตฺเตยฺย : บุคคลไม่ควรลืมตน
-
ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา : อ่อนไป ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไป ก็มีภัยเวร
-
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต : ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
-
ทุวิชาโน ปราภโว : ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม
-
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ : ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ
-
ครุ โหติ สคารโว : ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง
- น สนฺถวํ กาปุริเสน กยิรา : ไม่ควรทำความสนิทสนมกับคนชั่ว
- รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ : พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง
-
เอวํ กิจฺฉาภโต โปโส ปิตุ อปริจารโก ปิตริมิจฺฉาจริตฺวาน นิรยํ โส อุปปชฺชติ : ผู้ที่มีมารดาบิดาเลี้ยงมาได้โดยยากอย่างนี้ ไม่บำรุงมารดาบิดา ประพฤติผิดในมารดาบิดา ย่อมเข้าถึงนรก
-
ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีเทยฺย สเยยฺย วา น ตสฺส สาขํ ภญฺเชยฺย มิตฺตทุพฺโพ หิ ปาปโก : บุคคลนั่งหรือนอน (อาศัย) ที่ร่มเงาต้นไม้ใด ไม่ควรรานกิ่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทราม
-
โรสโก กทริโย จ ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโฐ อหิริโก อโนตฺตปฺปี ตํ ชญฺญา วสโล อิติ : ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่ โอ้อวด ไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่าผู้นั้นเป็นคนเลว
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดการศึกษา-ปัญญา
-
หินชจฺโจปิ เจ โหติ อุฏฺฐาตา ธิติมา นโร อาจารสีลสมฺปนฺโน นิเส อคฺคีว ภาสติ : คนเราถึงมีชาติกำเนิดต่ำ แต่หากขยันหมั่นเพียร มีปัญญาประกอบด้วยอาจาระและศีล ก็รุ่งเรืองได้ เหมือนไฟถึงอยู่ในคืนมืดก็สว่างไสว
-
สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา : ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา
-
นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา : แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี
-
ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต : ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก
-
สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ : ผู้ไม่ประมาท พินิจพิจารณา ตั้งใจฟัง ย่อมได้ปัญญา
-
ยสํ ลทฺธาน ทุมฺเมโธ อนตฺถํ จรติ อตฺตโน อตฺตโน จ ปเรสญฺจ หึสาย ปฏิปชฺชติ : คนมีปัญญาทราม ได้ยศแล้วย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมปฏิบัติเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่น
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดวาจา
-
นา ติเวอภูตวาที นิรยํ อุเปติ : คนพูดไม่จริง ย่อมเข้าถึงนรก
-
ตเมว วาจํ ภาเสยฺย ยายตฺตานํ น ตาปเย : ควรกล่าวแต่วาจาที่ไม่ยังตนให้เดือดร้อน
-
สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ : ความสะอาด พึงรู้ได้ด้วยถ้อยคำ
-
ลํ ปภาเสยฺย นตุณหี สพฺพทา สิยา อวิกิณฺมิตํ วาจํ ปตฺเตกาเล อุทีริเย : ไม่ควรพูดจนเกินกาล ไม่ควรนิ่งเสมอไป เมื่อถึงเวลาก็ควรพูดพอประมาณ ไม่ฟั่นเฝือ
-
ปรสฺส วา อตฺตโน วาปิ เหตุ น ภาสติ อลิกํ ภูริปญฺโญ โส ปูชิโต โหติ สภาย มชฺเฌ ปจฺฉาปิ โส สุคติคามิ โหติ : ผู้มีภูมิปัญญาย่อมไม่พูดพล่อย ๆ เพราะเหตุแห่งคนอื่น หรือตนเอง ผู้นั้นย่อมมีผู้บูชาในท่ามกลางชุมชน (สภา) แม้ภายหลังเขาย่อมไปสู่สุคติ
-
ยํ พุทฺโธ ภาสตี วาจํ เขมํ นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย สา เว วาจานมุตฺตมา : พระพุทธเจ้าตรัสพระวาจาใด เป็นคำปลอดภัย เพื่อบรรลุพระนิพพาน และเพื่อทำที่สุดทุกข์, พระวาจานั้นแล เป็นสูงสุดแห่งวาจาทั้งหลาย
-
ยญฺหิ กยิรา ตญฺหิ วเท ยํ น กยิรา น ตํ วเท อกโรนฺตํ ภาสมานํ ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา : บุคคลทำสิ่งใด ควรพูดสิ่งนั้น ไม่ทำสิ่งใด ไม่ควรพูดสิ่งนั้น, บัณฑิตย่อมกำหนดรู้คนที่ไม่ทำ ได้แต่พูด
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดความอดทน
-
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน : ความอดทน เป็นตบะ ของผู้พากเพียร
-
ขนฺติ สาหสวารณา : ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่งความผลุนผลัน
-
มนาโป โหติ ขนฺติโก : ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น
-
เกวลานํปิ ปาปานํ ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติ ครหกลหาทีนํ มูลํ ขนฺติ ขนฺติโก : ความอดทน ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น, ผู้มีขันติ ชื่อว่าย่อมขุดรากแห่งความติเตียนและการทะเลาะกันได้ เป็นต้น
-
ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก : ผู้มีความอดทน นับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และมีสุขเสมอ, ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่รัก ชอบใจของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
-
อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ อตฺถาวโห ว ขนฺติโก สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก : ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น, ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดความเพียร
-
วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ : คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
-
ขโณ โว มา อุปจฺจคา : อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์
-
หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ : คนที่ผัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม ยิ่งผัดว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม
-
กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ : คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า
-
โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ : ค่อย ๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก
-
อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ : อย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต
-
อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ ตุริตาภินิปาตินํ ตานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ อุณฺหํ วชฺโฌหิตํ มุเข : ผู้ที่ทำการงานลวก ๆ โดยมิได้พิจารณา เอาแต่รีบร้อนพรวดพราด จะก่อความเดือดร้อนให้ เหมือนตักอาหารที่ยังร้อนใส่ปาก
-
อชฺช สุวติ ปุริโส สทตฺทํ นาวพุชฺฌติ โอวชฺชมาโน กุปฺปติ เสยฺยโส อติมญฺญติ : คนที่ไม่รู้จักแยกแยะว่าควรทำวันนี้หรือพรุ่งนี้ ใครตักเตือนก็โกรธ เย่อหยิ่ง ถือดี เป็นที่โปรดปรานของกาลกิณี
-
หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ อนาคตํ เนตมตฺถีติ ญตฺวา อุปฺปนฺนจฺฉนฺทํ โก ปนุเทยฺย ธีโร : มัวรำพึงถึงความหลังก็หดหาย มัวหวังวันหน้าก็ละลาย สิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็ยังไม่มี ผู้ฉลาดรู้เช่นนี้ จะไม่ปล่อยฉันทะให้สูญเปล่า
-
อปฺปเกนปิ เมธาวี ปาภเฏน วิจกฺขโณ สมุฏฺฐาเปติ อตฺตานํ อณุ อคคึว สนฺธมํ : ผู้มีปัญญาย่อมตั้งตัวได้ แม้มีทุนเพียงน้อย เปรียบเหมือนคนที่ก่อไฟจากเปลวเล็กให้ลุกโชนได้
-
อฏฺฐา ตา กมฺมเธยฺเยสุ อบฺปมตฺโต วิธานวา สมํ กปฺเปติ ชีวิตํ สมภตํ อนุรกฺขติ : ผู้ขยัน ไม่ประมาท รู้จักจัดการงานดี ใช้ชีวิตพอประมาณ จึงสามารถรักษาทรัพย์ที่หามาได้
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดความโกรธ
-
โกโธ สตฺถมลํ โลเก : ความโกรธเป็นดังสนิมในโลก
-
โกโธ ทุมฺเมธโคจโร : ความโกรธเป็นอารมณ์ของคนมีปัญญาทราม
-
โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ : ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข
-
ทุกฺขํ สยติ โกธโน : คนมักโกรธ ย่อมอยู่เป็นทุกข์
-
ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ : ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย
-
อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช : ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น
-
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ : ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้
-
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โกโธ สหเต นรํ : ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีขึ้นเมื่อนั้น
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดการชนะ
-
ชิเน กทริยํ ทาเนน : พึงชนะคนตระหนี่ ด้วยการให้
-
อสาธํ สาธุนา ชิเน : พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี
-
อกฺโกเธน ชิเน โกธํ : พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ
-
สจฺเจนาลิกวาทินํ : พึงชนะคนพูดปด ด้วยคำจริง
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดตน-การฝึกตน
-
ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา : ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก
-
สทตฺถปสุโต สิยา : พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน
-
กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ : ท่านเอ๋ย! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย
-
สนาถา วิหรถ มา อนาถา : จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง
-
ปเร สํ หิ โส วชฺชานิ โอปุนาติ ยถาภุสํ อตฺตโน ปน ฉาเทติ กลึว กิตวา สโฐ : โทษคนอื่นเที่ยวกระจาย เหมือนโปรยแกลบ แต่โทษตนปิดไว้ เหมือนพรานนกเจ้าเล่ห์แฝงตัวบังกิ่งไม้
-
อตฺตตฺถปัญฺญา อสุจี มนุสฺสา : มนุษย์ผู้เห็นแก่ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด
-
อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ : ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดบุญ-บาป
-
ปุญฺญํ โจเรหิ ทูหรํ : บุญอันโจรนำไปไม่ได้
-
ปุญฺญํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ : บุญนำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิต
-
น ฆาสเหตุปิ กเรยฺย ปาปํ : ไม่ควรทำบาปเพราะเห็นแก่กิน
-
สกมฺมุนา หญฺญติ ปาปธมฺโม : คนมีสันดานชั่ว ย่อมลำบากเพราะกรรมของตน
-
ปาปํ ปาเปน สุกรํ : ความชั่วอันคนชั่วทำง่าย
-
อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ อาปูรติ พาโล ปาปสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ : แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำฉันใด คนเขลาสั่งสมบาปแม้ทีละน้อย ๆ ก็เต็มด้วยบาปฉันนั้น
พุทธศาสนสุภาษิต หมวดพบสุข
-
น หึสนฺติ อกิญฺจนํ :ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครเบียดเบียน
-
สุขิโน วตารหนฺโต : ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ
-
สกิญฺจนํ ปสฺส วิหญฺญมานํ : คนมีห่วงกังวล ย่อมวุ่นวายอยู่
-
ยาวเทวสฺสหู กิญฺจิ ตาวเทว อขาทิสํ : ตราบใด ยังมีชิ้นเนื้อคาบไว้นิดหน่อย ตราบนั้น ก็ยังถูกกลุ้มรุมยื้อแย่ง
-
หิรญฺญํ เม สุวณฺณํ เม เอสา รตฺตินฺทิวา กถา ทุมฺเมธานํ มนุสฺสานํ อริยธมฺมํ อปสฺสตํ : พวกมนุษย์ผู้อ่อนปัญญา ไม่เห็นอริยธรรม สนทนาถกเถียงกันทั้งวันทั้งคืน แต่ในเรื่องที่ว่า เงินของเรา ทองของเรา
-
อตีตํ นานุโสจนฺติ นปฺปชปฺปนฺติ นาคตํ ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺติ เตน วณฺโณ ปสีทติ : ผู้ถึงธรรม ไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ฝันเพ้อถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง ดำรงอยู่ด้วยสิ่งที่เป็นปัจจุบัน ฉะนั้น ผิวพรรณจึงผ่องใส
-
โสจํ ปณฺฑุกิโส โหติ ภตฺตญฺจสฺส น รุจฺจติ อมิตฺตา สุมนา โหนฺติ สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโต : มัวเศร้าโศกอยู่ก็ซูบผอมลง อาหารก็ไม่อยากรับประทาน ศัตรูก็พลอยดีใจ ในเมื่อเขาถูกลูกศรแห่งความโศกเสียบแทงย่ำแย่อยู่
-
อนาคตปฺปชปฺปาย อดีตสฺสานุโสจนา เอเตน พาลา สุสฺสนฺติ นโฬว หริโต ลุโต : ชนทั้งหลายผู้ยังอ่อนปัญญา เฝ้าแต่ฝันเพ้อถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง และ หวนละห้อยถึงความหลังอันล่วงไปแล้ว จึงซูบซีดหม่นหมอง เสมือนต้นอ้อสดที่เขาถอนขึ้น ทิ้งไว้ในกลางแดด
-
โย อตฺตโน ทุกฺขมนานุปุฏฺโฐ ปเวทเย ชนฺตุ อกาลรูเป อานนฺทิโน ตสฺส ภวนฺติ มิตฺตา หิเตสิโน ตสฺส ทุกฺขี ภวนฺติ : ผู้ใดพอใครถามถึงทุกข์ของตน ก็บอกเขาเรื่อยไป ทั้งที่มิใช่กาลอันควร ผู้นั้นจะมีแต่มิตรชนิดเจ้าสำราญ ส่วนผู้หวังดีต่อเขาก็มีแต่ทุกข์
-
ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ นินฺทา ปสํสา จ สุขํ จ ทุกฺขํ เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺฐปาท : ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม