มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจัดอันดับ 4 ผลไม้ "ยืดอายุขัย" ผลไม้ที่คว้าอันดับ 1 นั้น หลายคนคาดไม่ถึง แต่คนไทยรู้จักดี
นอกจากกล้วย องุ่น และทับทิมแล้ว ผลไม้นี้ยังได้รับการยกย่องจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่าอุดมไปด้วยสารอาหารและมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพอีกด้วย
ผลไม้มีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของมนุษย์ แม้ว่าแต่ละชนิดจะมีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่างกัน แต่ล้วนอุดมไปด้วยใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย
ล่าสุด มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เผยผลการศึกษาลึกเกี่ยวกับ “ผลไม้อายุยืน” โดยพบว่ามีผลไม้ 4 ชนิดที่สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพและยืดอายุได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งควรนำมารวมไว้ในเมนูอาหารประจำวัน
รายชื่อผลไม้เหล่านี้ได้จุดกระแสถกเถียงในวงการโภชนาการ และทำให้หลายคนหันมาใส่ใจพฤติกรรมการกินมากขึ้น โดยผลไม้ที่ติดอันดับคือ: อันดับ 1 บลูเบอร์รี, อันดับ 2 ทับทิม, อันดับ 3 องุ่น และอันดับ 4 กล้วย
ผลไม้ที่ครองอันดับ 1 คือ "บลูเบอร์รี" ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือ บลูเบอร์รีจัดอยู่ในกลุ่มผลไม้ที่มีสารอาหารหนาแน่นที่สุดในโลก และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ภายในผลบลูเบอร์รียังอัดแน่นไปด้วยแอนโทไซยานิน วิตามินซี ใยอาหาร และวิตามินแร่ธาตุหลากหลายชนิด โดยเฉพาะสารพฤกษเคมีอย่างแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ผู้เชี่ยวชาญให้การยอมรับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพ
vee terzy
แล้วบลูเบอร์รีมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง?
ป้องกันโรคมะเร็ง
จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเมน สหรัฐอเมริกา ในปี 2016 พบว่า การรับประทานผลไม้ตระกูลเบอร์รี เช่น บลูเบอร์รีและราสป์เบอร์รีเป็นประจำ สามารถช่วยต้านมะเร็งเต้านม ตับ ต่อมลูกหมาก ตับอ่อน และปอดได้
สาเหตุเป็นเพราะสารสำคัญอย่างแอนโทไซยานินและฟลาโวนอยด์ที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ ช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายจนเสี่ยงเป็นมะเร็ง และยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์ร้ายในร่างกาย
นอกจากนี้ บลูเบอร์รียังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักได้
สารสำคัญต่าง ๆ ที่พบในบลูเบอร์รี เช่น ไซยานิดิน, เดลฟินิดิน, เควอเซทิน, แคมป์เฟอรอล, กรดเอลลาจิก, เรสเวอราทรอล และพีเทอโรสติลบีน ยังมีบทบาทกระตุ้นกระบวนการ "ฆ่าตัวตายของเซลล์ผิดปกติ" (apoptosis) และ "การทำความสะอาดตัวเองของเซลล์" (autophagy) ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดและกลับมาเป็นมะเร็งเต้านมซ้ำอีกครั้ง
ต้านความชรา
สารต้านอนุมูลอิสระในบลูเบอร์รีช่วยฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากสารพิษและอนุมูลอิสระ พร้อมเสริมเกราะป้องกันให้ร่างกายจากเชื้อโรคอันตรายต่าง ๆ
ผลไม้นี้ยังอุดมด้วยโปรแอนโธไซยานิดิน (Proanthocyanidins) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ โดยควรทราบว่าการอักเสบเป็นต้นตอของโรคร้ายแรงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง และโรคอื่น ๆ อีกมากมายที่มนุษย์รู้จักในปัจจุบัน
ดีต่อสมอง
บลูเบอร์รีมีสารฟีนอลและกรดแกลลิกในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสมอง งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า บลูเบอร์รีสามารถช่วยปกป้องสมองจากความเสื่อม ความเป็นพิษต่อระบบประสาท และความเครียดจากอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งพบว่า การรับประทานบลูเบอร์รีช่วยชะลอการเสื่อมถอยของการรับรู้ พร้อมทั้งส่งผลดีต่อความจำและการเคลื่อนไหวของร่างกาย เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระในบลูเบอร์รีมีบทบาทในการปกป้องร่างกายจากความเครียดจากอนุมูลอิสระและลดการอักเสบในร่างกาย
ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บลูเบอร์รีเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ ดัชนีน้ำตาลต่ำ และอุดมไปด้วยใยอาหาร จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรืออยู่ในช่วงลดน้ำหนัก นอกจากนี้ สารแอนโทไซยานินในบลูเบอร์รียังช่วยต่อต้านโรคอ้วน โดยมีบทบาทในการยับยั้งการดูดซึมไขมัน เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน และลดปริมาณอาหารที่รับเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย
ลดความดันโลหิต
บลูเบอร์รีเป็นผลไม้ที่ดีสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง การศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า ผู้ที่มีน้ำหนักเกินและความดันโลหิตสูง หากทานบลูเบอร์รี 50 กรัมต่อวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ จะช่วยลดความดันโลหิตได้ถึง 4-6% ผลการศึกษากลุ่มผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนก็มีผลลัพธ์ที่คล้ายกัน
ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ความเสียหายจากคอเลสเตอรอลในเลือดและความดันโลหิตสูง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ ผลดีต่อสุขภาพจากบลูเบอร์รีได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL เพิ่มคอเลสเตอรอล HDL และลดความดันโลหิตอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ บลูเบอร์รียังมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อว่า แอนโธไซยานิน การศึกษาพบว่า ผู้ที่รับประทานแอนโธไซยานินในปริมาณสูงจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่รับประทานแอนโธไซยานินในปริมาณต่ำถึง 32%