หลาย ๆ คนน่าจะได้เคยเห็นทั้งคลิป และบทความรีวิว Infinix Hot 50 Pro+ สมาร์ทโฟนสายคุ้มรุ่นใหม่จาก Infinix กันไปแล้วแน่นอนครับ แต่หลังจากที่ได้เปิดตัวมากว่า 1 เดือน เราได้มีโอกาสมารีวิวเจ้า Hot 50 Pro+ เครื่องนี้อีกรอบครับ เพราะตัวเครื่องได้มีอัปเดตเพิ่มเข้ามา แถมยังได้เปิดตัวสีใหม่มาให้ใครที่สนใจได้ตามไปจัดกันอีกด้วยนะ !
ในกล่องมีอะไรให้บ้างนะ ?
- ตัวเครื่อง Infinix Hot 50 Pro+
- เคสพลาสติกแบบแข็ง
- ฟิล์มกระจกพร้อมชุดติดฟิล์ม
- อะแดปเตจอร์ชาร์จแบตเตอรี่
- สายชาร์จแบบ USB-A to USB-C
- เข็มจิ้มซิม
- คู่มือและเอกสารการรับประกัน
ฝาหลังสีใหม่ สดใสกว่าเดิม
เริ่มจากสีใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน Infinix Hot 50 Pro+ เครื่องนี้กันก่อนเลยครับ เพราะว่าสีที่เราได้มารีวิวกันอีกครั้งนี้คือสี ‘Aurora Green’ ที่ Infinix เขาบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากสีเขียวในแสงเหนือ พร้อมกับการให้ความรู้สึกถึงความกลมกลืน และความสนุกสนานอยู่ในฝาหลังสีเดียวนี้เลย โดยสีนี้จะเป็นสีเขียวแบบ 2 โทน คือจะมีโทนสีเขียวเข้ม เว้าเข้ากับสีเขียวอ่อนด้านบน โดยเปลี่ยนวัสดุฝาหลังมาใช้ NanoFlex Fiber Leather ที่ให้ความรู้สึกแบบหนังวีแกนแทนครับ ซึ่งเอาจริง ๆ ถือว่าเป็นสีที่ออกมาดูพรีเมียมไปอีกแบบครับ
โดยรอบ ๆ ตัวเครื่องจะยังมีการเคลือบสีให้ล้อไปกับสีของตัวเครื่องด้วยนะ อย่างตัวเครื่องเป็นสีเขียว ขอบข้างเครื่อง ก็จะมีการเคลือบสีเขียวในขอบข้างเครื่องไปด้วยเลย ซึ่งถือว่าเป็นสีที่สวยอีกสีหนึ่งเลยนะ (โดยเฉพาะคนที่ชอบโทนสีเขียวแบบผู้เขียน) และคิดว่าใครที่ชอบโทนสีเขียวแบบนี้ น่าจะชอบสีใหม่นี้เหมือนที่ผู้เขียนชอบแน่นอน
ที่จริงแล้ว Infinix ยังเปิดตัวมาอีก 2 สีด้วยกัน คือสี ‘Blossom Pink’ ที่อยากจะขอเรียกว่าเป็นสีซากุระก็คงจะไม่แปลกมากนัก เพราะสีชมพูนี้จะเป็นสีชมพูแบบ 3 โทน ที่จะไล่ระดับความเข้มไปเรื่อย ๆ แต่เป็นการแมทช์โทนสีในรูปแบบของซากุระ เป็นโทนสีที่ออกไปทางสดใส แต่ก็ยังให้ความรู้สึกถึงการเจริญเติบโต เหมือนซากุระที่บานพรั่งอย่างไรอย่างนั้น และยังมีสี ‘Rising Red’ หรือเป็นสีแดงที่เน้นความเป็นแรงบันดาลใจ โดยใช้โทนสีแดง, ส้ม และขาวมาแมทช์ให้เข้ากันระหว่างสีทั้ง 3 สี เพื่อให้ให้โทนสีที่สดใส และยังเป็นโทนที่เรียกได้ว่ามินิมอลอีกไม่น้อยเลยครับ ทั้ง 3 สีที่มาใหม่นี้จะใช้ฝาหลังที่เป็นวัสดุหนังวีแกนทั้งหมดเลย โดยจะให้ความรู้สึกการจับถือตัวเครื่องที่ดีอยู่ด้วยเหมือนกัน
นอกจากนั้น ตัวเครื่องยังคงให้ความรู้สึกที่บางมาก ๆ เหมือนเดิม ด้วยความบางตัวเครื่องที่ 6.8 มิลลิเมตร และใช้การออกแบบโครงสร้างภายในตัวเครื่องแบบ ‘TitanWing Architecture’ เลยทำให้ตัวเครื่องทั้งบางทั้งเบาเลย โดยน้ำหนักที่ 162 กรัมนั้นเรียกได้ว่าให้ความรู้สึกในการจับถือสมาร์ทโฟนที่เบาบาก ๆ เครื่องหนึ่งเลย
สเปค Infinix Hot 50 Pro+
- จอภาพ : ขนาด 6.8 นิ้ว AMOLED
- ความละเอียด Full HD+ 1080 x 2460 พิกเซล
- สว่างสูงสุด 1300 นิต
- อัตรารีเฟรช 120Hz
- รองรับ Always-on display, สัมผัสขณะนิ้วเปียก
- ชิปเซต : Mediatek Helio G100 (6 nm)
- GPU Mali-G57 MC2
- RAM 8GB (ขยายเพิ่มได้อีก 8GB)
- ROM 256GB
- กล้องหลัง :
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.6, 27mm (wide), ขนาดเซนเซอร์ 1/2.76″, Auto Focus
- กล้องวัดระยะ 2 ล้านพิกเซล
- เซนเซอร์วัดแสง
- กล้องหน้า : 13 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0
- ระบบเสียง : ปรับแต่งโดย JBL
- รองรับ FM radio
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
- รองรับชาร์จไว 33W
- การเชื่อมต่อ
- 4G
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth ไม่ระบุเวอร์ชั่น
- NFC
- พอร์ต
- USB Type-C 2.0, OTG
- หูฟัง 3.5 มม.
- ซิม : รองรับ 2 ซิม (Nano-SIM, dual stand-by)
- เซนเซอร์ : สแกนนิ้วบนหน้าจอ, accelerometer, proximity, compass
- ความทนทาน : กันน้ำกันฝุ่น IP54
- ระบบปฏิบัติการ : XOS 14.5 บนพื้นฐาน Android 14
- ขนาด : ระบุแค่ความบาง 6.8 มม.
- น้ำหนัก: 162 กรัม
ประสิทธิภาพภายในเครื่อง
Infinix Hot 50 Pro+ นั้นยังได้ให้ชิปเซตที่เรียกว่าสุดทางฝั่ง 4G ล้วน ๆ ของ MediaTek แล้วครับ โดยใส่ชิปเซต MediaTek Helio G100 ซึ่งเป็นชิปขนาด 6nm มาด้วย พร้อมกับหน่วยความจำ 256GB (UFS 2.2) และแรมขนาด 8GB ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสเปคที่ค่อนข้างคุ้มค่าสำหรับเรตราคานี้เลยครับ แน่นอนว่า Infinix ยังได้เคลมว่าได้รับการรับรองจาก TUV Fluency สามารถใช้งานมือถือได้อย่างลื่นไหลแม้จะผ่านไป 5 ปี ด้วย ซึ่งหลังจากที่เราได้อัปเดตตัวเครื่องมาแล้วนั้น เราเลยได้ทำการทดสอบเจ้า Infinix Hot 50 Pro+ นี้อีกรอบกันดูบ้าง
โดยคะแนนการทดสอบผ่าน Geekbench 6.3.0 ได้คะแนน Single Core ที่ 730 คะแนน และ Multi Core ที่ 2,004 คะแนนด้วยกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วเรียกได้ว่าเป็นเรตคะแนนที่ค่อนข้างสูงเลยครับ สำหรับสมาร์ทโฟนที่สามารถใช้ได้แค่ 4G เท่านั้นแบบนี้
นอกจากนั้น ถ้าเราทดสอบ 3DMark Wild Life Stress Test นั้น ได้คะแนนมากสุดที่ 1,326 คะแนน และคะแนนน้อยสุดที่ 1,310 คะแนน กับนิ่งที่ 98.8% ด้วยกันครับ และ AnTuTu Benchmark ก็ได้คะแนนไปที่ 434,976 คะแนน ซึ่งเอาจริง ๆ เป็นคะแนนที่ค่อนข้างโอเคมาก ๆ ครับสำหรับสมาร์ทโฟนเรตราคานี้ และยังเหมาะเล่นเกมเบา ๆ อีกด้วยนะ
โดยรวม ๆ แล้ว หลังจากอัปเดตมา เรียกได้ว่าฝั่งประสิทธิภาพก็ยังทำได้ดี สมกับที่ Infinix บอกว่าสามารถใช้ได้ยาว ๆ 5 ปีตามที่ TUV Fluency รับรองเอาไว้ด้วยนะ
ส่วนฝั่งการเล่นเกม เราลองเอามาเล่น RoV ดู ก็พบว่ายังสามารถเล่นได้ที่ 60FPS แบบลื่นไหลดีอยู่ครับ แปลว่าด้านประสิทธิภาพยังสามารถทำได้ดีแน่นอน โดยจากการลองเล่นแบบต่อเนื่องประมาณ 40 นาที พบว่าตัวเครื่องมีอาการอุ่น ๆ บริเวณด้านบนของตัวเครื่องเล็กน้อย แตก่็ไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพของเกมแต่อย่างใดครับ
ในส่วนนี้ถ้าอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติม อยากให้กลับไปอ่านบทความรีวิวที่ DroidSans เคยทำไว้กันได้เลยนะ
การถ่ายภาพ
ด้านกล้องถ่ายภาพ หลังจากมีการอัปเดตมาแล้วนั้น กล้องถ่ายภาพยังสามารถใช้งานถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ โดย Infinix Hot 50 Pro+ จะมาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 2 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 50MP กล้องระยะ 2MP และเซนเซอร์วัดแสงครับ ซึ่งคุณภาพของกล้องถ่ายภาพนั้น ถือว่ายังทำความคมชัดของภาพได้โอเค โทนสีสดใสเหมือนเดิม และยังใช้เวลาในการประมวลผลภาพถ่ายอีกเล็กน้อย แต่ก็ยังมีการจัดการภาพที่โอเคอยู่ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องถ่ายในสภาพแสงที่ดีหน่อยนะ
หน้าจอและการใช้งานทั่วไป
ว่าด้วยเรื่องการใช้งานทั่วไปเพิ่มเติมกันบ้างครับ คือ Infinix Hot 50 Pro+ นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ 3D-Curved AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (1080 x 2460 พิกเซล) รีเฟรชเรต 120Hz ซึ่งถือว่าดูดีและดูมีความเป็นสมาร์ทโฟนหลักหมื่นมากครับ คือหน้าจอมีความชัด สีจอสดใส และสามารถใช้เพื่อชมคอนเทนต์ เล่นเกม เล่นโซเชียล และใช้งานด้านอื่น ๆ ได้แบบดูดีแน่นอน เรียกว่าเป็นมือถือจอโค้ง 3D Curved ที่บางที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ครับ
แถมลำโพงยังมีการร่วมมือกับ JBL ในการจูนเสียง และได้ให้ลำโพงเป็นลำโพงคู่ โดยทำคุณภาพของลำโพงออกมาได้ค่อนข้างโอเค แต่ก็ยังขาดรายละเอียดของเสียงไปบ้างเล็กน้อยครับ
นอกจากนั้น Infinix Hot 50 Pro+ รองรับการดูวิดีโอบน YouTube ได้ที่ความละเอียด 1440p 60 FPS และรองรับ Widevine DRM L1 สามารถดู Netflix ความละเอียด FHD ได้ด้วยนะ ด้านการเสพคอนเทนต์ทำได้อย่างดีเลยทีเดียว
สรุปส่งท้าย
โดยรวมแล้ว แม้จะผ่านมาสักพักหนึ่งแล้ว Infinix Hot 50 Pro+ นั้น เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ถือว่าให้ความสามารถมาคุ้มค่าตัวมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับค่าตัวที่ความจุแรม 8GB กับหน่วยความจำ 256GB ที่ราคา 6,499 บาท แม้จะเป็นสีใหม่ก็ตาม ถือว่าเป็นสเปคที่แทบจะคุ้มทุกบาทที่เราจ่ายไปเลยก็ว่าได้ เอาไว้ใช้งานทั่วไปก็ได้ หรือจะใช้เป็นเครื่องเล่นเกมเบา ๆ ก็ดี แถมยังสามารถใช้เป็นของขวัญให้คนที่บ้านใช้ช่วงปีใหม่ก็ยังได้เลย
ถ้าใครยังไม่จุใจพอ สามารถดูคลิปรีวิวจากทาง DroidSans กันก่อนได้นะ
ใครที่สนใจ Infinix Hot 50 Pro+ ก็ตามไปซื้อกันได้ที่ Infinix Official Store ที่ Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือจะไปลองเล่นเครื่องจริงก่อน ก็สามารถไปได้ที่หน้าร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วไทยก็ได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับสีใหม่ทั้ง 3 ที่อัปเกรดให้มีดีไซน์ที่ดูมินิมอลมากขึ้น และยังใช้วัสดุฝาหลังใหม่เป็น NanoFlex Fiber Leather อีกด้วย ตามไปจัดกันได้เลยครับ !