ทำอยู่หรือเปล่า? เช็ก 3 วิธีดื่มกาแฟ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและทำให้ชีวิตสั้นลง แต่หลายคนยังทำอยู่
กาแฟมีคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่ช่วยเพิ่มพลังงานและทำให้รู้สึกตื่นตัวทันที พร้อมกับสารอาหารหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โพลีฟีนอลในกาแฟช่วยลดความเครียดจากอนุมูลอิสระและการอักเสบของเซลล์, ช่วยส่งเสริมสุขภาพระบบประสาทด้วยการปรับอารมณ์ ลดความวิตกกังวล และลดความเสี่ยงจากภาวะซึมเศร้า
การศึกษาหนึ่งในปี 2021 โดยแพทย์จากเมืองแคนซัส สหรัฐอเมริกา พบว่าการดื่มกาแฟเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2, ซึมเศร้า, โรคทางระบบประสาทเสื่อม, มะเร็ง และโรคตับ
ในการศึกษาที่ใช้ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมกว่า 200,000 คน ซึ่งถูกติดตามผลในระยะเวลา 30 ปี นักวิทยาศาสตร์พบความเชื่อมโยงระหว่างการดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะและการลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร นักวิจัยเชื่อว่ากรดไขมันในกาแฟอาจเป็นสาเหตุที่ช่วยยับยั้งการเกิดโรคเรื้อรัง โดยการลดการอักเสบและปรับปรุงสภาพการดื้ออินซูลิน
อย่างไรก็ตาม วิธีการดื่มกาแฟบางรูปแบบอาจลดประโยชน์จากกาแฟ หรือแม้แต่ทำให้สุขภาพเสียหายได้
1. ดื่มกาแฟเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป
การดื่มกาแฟทันทีหลังตื่นนอนมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อดื่มในขณะท้องว่าง หลังจากตื่นนอน ฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) จะมีระดับสูงสุด การดื่มกาแฟในเวลานี้จะกระตุ้นการปล่อยฮอร์โมนความเครียดอย่างอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล
หากระดับคอร์ติซอลสูงเกินไปในระยะยาว อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น มีผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ฮอร์โมน ต่อมหมวกไต และอารมณ์ รวมถึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
นอกจากนี้ เพราะคาเฟอีนในกาแฟจะมีฤทธิ์กระตุ้นนาน 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน หลังจากดื่มกาแฟไปแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง จะมีคาเฟอีนเหลืออยู่ในร่างกายเกือบครึ่ง จึงไม่ควรดื่มกาแฟหลังเที่ยง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดื่มกาแฟที่หลายๆ นักวิจัยแนะนำคือระหว่าง 9.30 - 11.30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ระดับคอร์ติซอลเริ่มลดลง เมื่อดื่มกาแฟในช่วงนี้ จะได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นระบบประสาทมากที่สุด
2. ดื่มกาแฟมากเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ปริมาณคาเฟอีนที่ปลอดภัยต่อการบริโภคในแต่ละวันคือ 300 มิลลิกรัม หรือไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 3 แก้วต่อวัน การดื่มกาแฟมากเกินไปอาจทำให้เกิดความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ มีผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารและการนอนหลับ
การใช้คาเฟอีนเพื่อเพิ่มความตื่นตัวอาจทำให้รู้สึกวิตกกังวล กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ และลดเวลาในการนอน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคไต ความดันโลหิตสูง เบาหวาน อัมพฤกษ์ โรคอ้วน และภาวะซึมเศร้า
คาเฟอีนไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจหรืออัมพฤกษ์ แต่มีการพิสูจน์แล้วว่าอาจทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น ดังนั้นผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจควรใช้กาแฟอย่างระมัดระวังและไม่เกินขนาดที่แนะนำ
3. ใส่สารให้ความหวานมากเกินไปในกาแฟ
การดื่มกาแฟที่ใส่น้ำตาล, นม, หรือครีมมากเกินไปจะเพิ่มแคลอรีในร่างกาย ซึ่งหากทำเป็นประจำอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น การเพิ่มน้ำหนักและระดับน้ำตาลในเลือด การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปยังสามารถทำให้ความดันโลหิตสูงและเพิ่มการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่โรคเบาหวาน, โรคตับอ้วน และอาจทำให้ชีวิตสั้นลง นอกจากนี้ การใส่นมในกาแฟอาจลดประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟ
การดื่มกาแฟดำแท้ ๆ หรือกาแฟแบบ Cold Brew (กาแฟสกัดเย็น) และสามารถเพิ่มนมจากเมล็ดธัญพืช หรือเครื่องเทศต่าง ๆ เช่น อบเชย, น้ำตาลหญ้าหวาน, ผงโกโก้ เป็นวิธีการดื่มกาแฟที่ดีต่อสุขภาพที่สุด