“งู” ที่หลายคนกลัวเพราะพิษร้ายแรง อาจอันตรายกว่าที่คิดไว้มาก เมื่อมีงานวิจัยล่าสุดในวารสาร “Frontiers in Tropical Disease” เปิดเผยว่า งูเห่าหม้อ (Naja kaouthia) และ งูทับสมิงคลา (Bungarus lividus) ในอินเดียยังคงสามารถฉีดพิษได้แม้จะตายไปแล้วหลายชั่วโมง
นอกจากนี้งานวิจัยดังกล่าว ยังได้บันทึกตัวอย่างที่น่าตกใจ 3 กรณี:
- งูเห่าที่ถูกตัดหัว: ชายคนหนึ่งถูกหัวงูเห่าหม้อที่ถูกตัดขาดกัดเข้าที่นิ้วหัวแม่มือขณะกำลังจะทิ้งซากงู ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึง 20 วัน
- งูเห่าที่ถูกรถไถทับ: ชายอีกคนหนึ่งถูกงูเห่าที่ถูกรถไถทับจนดูเหมือนตายแล้วกัดเข้าที่เท้า ทำให้เกิดอาการบวมและแผลพุพอง
- งูทับสมิงคลาที่ตายไปแล้ว 3 ชั่วโมง: ชายคนหนึ่งถูกงูทับสมิงคลาที่ตายไปแล้ว 3 ชั่วโมงกัดเข้าที่นิ้วมือ ทำให้เขามีอาการอัมพาตและต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดนานถึง 43 ชั่วโมงก่อนจะฟื้นตัว
งูสามารถฉีดพิษได้อย่างไรถ้าตายแล้ว?
สำหรับเรื่องนี้นักวิจัยอธิบายว่า งูพิษบางชนิดมีโครงสร้างพิเศษที่ทำให้มันสามารถปล่อยพิษออกมาได้แม้จะตายไปแล้ว โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้:
-
โครงสร้างต่อมพิษ: ต่อมพิษที่เชื่อมต่อกับเขี้ยวกลวงสามารถปล่อยพิษได้หากถูกกดโดยไม่ได้ตั้งใจ
-
พิษที่ตกค้างในเขี้ยว: แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือตายแล้ว เขี้ยวของงูยังคงมีพิษที่ออกฤทธิ์ได้
-
แรงกดดันทางกลไก: การจับซากงูหรือหัวที่ถูกตัดขาดอาจไปกระตุ้นให้เกิดการฉีดพิษโดยไม่ได้ตั้งใจ
อ่านบทความเพิ่มเติม:
- เห็นติ่งเนื้อแปลก ๆ ใต้ท้องงูคืออะไร? หลายคนไม่เคยเห็น ก่อนมีผู้รู้มาเฉลยให้แล้ว
- ชายฆ่างูตาย 1 ตัว สุดช็อกเจออีก 52 ตัว เลื้อยตามมายั้วเยี้ยเต็มบ้าน สุดท้ายจบเศร้า