ลูก 5 ขวบ พบมะเร็งสมอง “ลุกลามแล้ว” แม่เสียใจเมิน 3 อาการ รวมทั้งอาเจียน-ตาบวม

1 week ago 5
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

 เด็กหญิง 5 ขวบ พบว่ามะเร็งสมองลุกลามแล้ว แม่เสียใจที่เพิกเฉย 3 สัญญาณ คิดว่าแค่ฮีทสโตรก

“ฮอลลี่ บราวน์” ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร คิดอยู่เสมอว่าลูกสาวของเธอแข็งแรงดี ดังนั้น เมื่อได้รับข่าวว่าลูกสาวของเธอเป็นมะเร็งสมองระยะลุกลาม มีสภาพจิตใจหดหู่และโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาเมื่อได้รับข่าวว่าลูกสาวของเธอเป็นมะเร็งสมองระยะลุกลาม

ตามรายงานของสำนักข่าวเดลี่เมล์ "ฮอลลี่ บราวน์" เป็นคุณแม่อายุ 31 ปี อาศัยอยู่กับครอบครัวในสหราชอาณาจักร เธอมีลูก 4 คน รวมทั้งลูกสาววัย 5 ขวบชื่อ "โอลิเวีย ฮอลลี่" ซึ่งเธอคิดเสมอว่าลูกคนนี้เป็นคนที่กระตือรือร้นที่สุดและมีสุขภาพดีมาก ดังนั้น เมื่อได้ทราบว่าลูกเป็นมะเร็งสมองระยะลุกลาม จึงอดไม่ได้ที่จะมีสภาพจิตใจหดหู่และโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา

จุดเริ่มต้นแสดงสัญญาณแรกของมะเร็งสมอง คือเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมปีนี้ โอลิเวียมีอาการวิงเวียนศีรษะและอาเจียน  “มันเป็นวันที่อากาศแจ่มใส เธอกำลังเล่นอยู่ข้างนอก ฉันคิดว่าเธอเป็นโรคลมแดด ฉันให้น้ำ ประคบเย็น แล้วพาไปนอนพักผ่อนอยู่ในห้อง ในตอนเย็นเธอดีขึ้นอย่างสมบูรณ์ วิ่งและกระโดดได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง ดังนั้นฉันจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก”  ฮอลลี่เล่า

อย่างไรก็ตาม ในเที่ยงวันรุ่งขึ้น โอลิเวียยังคงอาเจียนและรู้สึกเหนื่อยอย่างต่อเนื่อง ฮอลลี่คิดว่าลูกสาวออกไปเล่นข้างนอกใสตอนที่ยังคงไม่หายดี ทำให้มีอาการลมแดดอีกครั้ง ผู้เป็นแม่จึงยังคงดูแลลูกสาวต่อไป โดยไม่รู้ว่ามีมะเร็งร้ายแรงซ่อนตัวอยู่

ต่อมา แม้จะรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ประจำครอบครัว แต่อาการของโอลิเวียก็ไม่ดีขึ้น เมื่อเห็นลูกอาเจียนอยู่ตลอดเวลา ปวดหัว และเหนื่อยล้าจนไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง สุดท้ายฮอลลี่จึงตัดสินใจทิ้งงานทั้งหมดเพื่อพาลูกไปโรงพยาบาลใหญ่

แพทย์พบว่าเด็กหญิงมีเนื้องอกในสมองที่เป็นอันตราย ทำให้เกิดการอุดตันของน้ำในสมอง ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยชีวิตเธอ อย่างไรก็ตาม เนื้องอกของโอลิเวียอยู่ในตำแหน่งพิเศษ ไม่สามารถเอาออกได้หมดและเริ่มแพร่กระจาย

แม่เสียใจที่เมินเฉย 3 สัญญาณมะเร็งสมอง

เมื่อได้รับฟังการวินิจฉัยจากแพทย์ ฮอลลี่ตกใจและหดหู่มากจนต้องเข้าโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ในฐานะแม่และต้องดูแลลูก 4 คนในเวลาเดียวกัน เธอจึงต้องลุกขึ้นสู้รวดเร็ว และวิ่งกลับไปกลับมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าวันรุ่งขึ้น

ฮอลลี่กล่าวว่า  “ฉันคิดว่าเธอเพิ่งป่วย แต่พวกเขาบอกว่ามันเป็นเนื้องอกไกลโอบลาสโตมาระดับ 3 ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่พัฒนาในสมองน้อยที่อยู่ด้านหลังสมอง ซึ่งเป็นบริเวณที่รับผิดชอบในความสมดุลและการประสานงานของการเคลื่อนไหว”

“ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เธอก็เข้ารับการผ่าตัดใหญ่สองครั้งติดต่อกัน เป็นผลให้สามารถกำจัดเนื้องอกได้เพียง 95% เท่านั้นส่วนที่เหลืออีก 5% นั้นอยู่ใกล้กับสมองมากเกินไปที่จะกำจัดออกโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ แพทย์แจ้งว่าเนื้องอกได้แพร่กระจายไปยังกระดูกสันหลังแล้วเมื่อตรวจพบ ฉันตกใจมากและเจ็บปวด รู้สึกเหมือนว่าตัวเองพลาดเวลาในการรักษาของเธอไปเมื่อฉันพบมันช้าไป"

แพทย์ผู้ทำการรักษากล่าวว่า โอลิเวียมีเนื้องอกไกลโอบลาสโตมา ซึ่งเป็นเนื้องอกในสมองชนิดหนึ่งที่มักส่งผลกระทบต่อเด็กเล็ก และส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและความสมดุล นี่เป็นมะเร็งสมองรูปแบบที่พบไม่บ่อย ซึ่งมักเกิดกับเด็กอายุ 3 - 8 ปี โรคนี้ตรวจพบได้ยากตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากอาการไม่ชัดเจน สับสนง่าย มีอาการเหนื่อยล้าหรือเจ็บป่วยเล็กน้อย อีกทั้งเนื่องจากผู้ป่วยเป็นเด็กเล็ก จึงยากที่จะอธิบายความรู้สึกไม่สบายของตนเองให้ชัดเจน

มีสัญญาณผิดปกติ 3 ประการที่แม่ของฮอลลี่พลาด ซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของไกลโอบลาสโตมาที่พบบ่อย

  • คลื่นไส้อาเจียนอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ:  ภาวะนี้จะคงอยู่แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณของการเป็นพิษหรือโรคทั่วไปก็ตามโดนสิ่งนี้จะเกิดขึ้นบ่อยขึ้นในตอนเช้าหรือหลังจากเคลื่อนไหวร่างกาย
  • ความผิดปกติของการเคลื่อนไหวและการสูญเสียสมดุล:  โรคนี้ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการเคลื่อนไหวและรักษาสมดุล ซึ่งจะทำให้เดินลำบาก เปลี่ยนตำแหน่งเร็ว ยืนไม่มั่นคง หรือล้มง่าย อาจมีอาการสั่นหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย
  • การเปลี่ยนแปลงของดวงตา: เช่น อาการบวม หรือภาวะที่มีการบวมของจุดประสาทตา (papilledema) นี่เป็นสัญญาณที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคนี้ ทำให้ตาบวม ตาเหล่ หรือความไม่สมดุลระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง มองเห็นไม่ชัด หรือมองลำบากในการมอง มักมีอาการปวดหัวและมึนเบลอร่วมด้วย

นอกจากนี้ เมื่อโรคดำเนินไป อาจทำให้เกิดอาการอื่นๆ ที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นได้ เช่น ปวดศีรษะรุนแรง ความจำเสื่อม บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง อ่อนเพลีย เริ่ม เคลื่อนไหวไม่ได้...

ปัจจุบันโอลิเวียยังคงต่อสู้กับโรคมะเร็งสมองที่น่ากลัวต่อไป ฮอลลี่แบ่งปันเรื่องราวของลูกของเธอด้วยความหวังว่าทุกคนจะให้ความสนใจกับความผิดปกติของลูกมากขึ้น และไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับครอบครัวของเธอ

Read Entire Article