แม่ฟังแล้วทรุด ลูกชาย 5 ขวบ ตาดำค่อยๆ หายไป พาไปหาหมอถึงรู้ต้นเหตุ "ของเล่น" ที่ซื้อให้ ถึงกับส่ายหัวบอกรักษายาแล้ว....
ปัจจุบันนี้ในขณะที่สังคมมีความทันสมัยมากขึ้น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์จึงกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตทุกครอบครัว ผู้ใหญ่ไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่อุปกรณ์ต่างๆ เช่น แท็บเล็ต และวิดีโอเกม ยังเป็น "ของเล่น" ที่คุ้นเคยสำหรับเด็กๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นอกจากความสะดวกสบายและความบันเทิงที่ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้นำมาแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นมากมาย ที่ส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กอีกด้วย หากขาดการควบคุมในเรื่องการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของบุตรหลาน ก็อาจกลายเป็น "ดาบสองคม" ซึ่งเป็นปัญหาที่น่าตกใจสำหรับผู้ปกครองหลายคนในปัจจุบัน
ดังเช่นกรณีที่โซเชียลเน็ตเวิร์กของจีนได้ถกเถียงกัน เกี่ยวกับเด็กชายวัย 5 ขวบ ที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป จนนำไปสู่ผลที่ลัพธ์ที่โชคร้าย แม้แต่แพทย์ยังส่ายหัวบอกว่า "สายไปแล้ว" และยากที่จะทำการรักษา ในขณะที่คอมเมนต์ในโลกออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์ผู้ปกครองของเด็กชายอย่างรุนแรง
เกิดอะไรขึ้นกับเด็กชายวัย 5 ขวบ
ตามรายงานพบว่า "คุณชู" และสามีของเธอ เป็นทั้งพนักงานออฟฟิศและมักจะต้องทำงานล่วงเวลาในช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้พวกเขามีเวลาอยู่กับลูกชายวัย 5 ขวบเพียงเล็กน้อย เพื่อชดเชยให้ลูกชายที่ขาดปฏิสัมพันธ์จากพ่อแม่ จึงตัดสินใจซื้อ "แท็บเล็ต" หวังให้เป็น "ของเล่น" ที่ช่วยให้เขาสร้างความบันเทิงให้ตัวเองได้
ในตอนแรก เด็กชายนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นี้ออกมาใช้เป็นครั้งคราวเมื่อรู้สึกเบื่อ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มพึ่งพาอุปกรณ์นี้และไม่สามารถอยู่ห่างจากมันได้ ทุกเช้าเมื่อเขาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ทำคือเปิดแท็บเล็ตและเล่นกับมันอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อเห็นเช่นนี้คุณชูและสามีจึงเตือนลูกชายทันทีหลายครั้ง แต่ด้วยตารางการทำงานที่ยุ่งวุ่นวาย พวกเขายังคงไม่สามารถควบคุมลูกได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กระทั่งวันหนึ่ง จู่ๆ เด็กก็บ่นว่าปวดตา คุณชูและสามียังสังเกตเห็นว่าดวงตาของลูกมีความผิดปกติเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เนื่องจากกังวลจึงพาไปโรงพยาบาลทันที สิ่งที่น่าเศร้าคือหลังจากตรวจคุณหมอถึงกับส่ายหัวและบอกว่า "สายไปแล้ว" แจ้งว่าเด็กชายมีอาการตาเหล่ ร่วมกับสายตาสั้น ฟื้นตัวได้ยากมาก เพราะอาการมีแต่หนักขึ้นและรุนแรงขึ้น แต่ไม่เบาลงเลย
ไม่เพียงเท่านั้น แต่เมื่อเห็นอาการของเด็กชายแพทย์ก็รู้ทันทีว่า สาเหตุเกิดจากการที่พ่อแม่ปล่อยให้เขาใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป จนกลายเป็นเข้าขั้น "เสพติด" เมื่อได้ยินข้อสรุปของแพทย์ คุณชูก็สับสนและเสียใจอย่างมาก จากนั้นจึงตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองที่ละเลยลูก และทำให้ลูกต้องเผชิญกับความเสียหายที่หนักหนาขนาดนี้!
- ด.ช. 9 ขวบ มีนิ่วในท้อง 56 ก้อน หมอเผยต้นเหตุทำแม่ทรุด ที่แท้คือสิ่งที่ให้ลูกกินทุกวัน
- เด็ก 8 ขวบสลบคาโต๊ะเรียน หมอยื้อชีวิตตื่นมาพูดกับแม่ 7 คำสุดท้าย สะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม