อันตรายไหม? ลูกชายวัย 3 ขวบชอบ “เอาหัวโขก” ทุกครั้งที่ตื่นเต้นหรือไม่พอใจ แพทย์ชี้สาเหตุ พร้อมแนะแนวทางดูแลลูกด้วยวิธีที่ถูกต้อง!
การเลี้ยงลูกไม่ใช่แค่เรื่องของความรักหรือการให้สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังต้องใส่ใจสังเกตพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติ เช่นเดียวกับคุณแม่วัย 36 ปีจากเมืองหนานหนิง ประเทศจีน ที่พบว่าลูกชายวัย 3 ขวบของเธอมีพฤติกรรมประหลาดซ้ำๆ จนน่ากังวล
คุณแม่เล่าว่า ลูกของเธอเป็นเด็กซุกซน ร่าเริง แต่ไม่นานมานี้เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น เอาหัวโขกพื้น ผนัง หรือหมอนซ้ำๆ ทุกครั้งที่รู้สึกตื่นเต้นหรือหงุดหงิด และแม้อยู่กับพ่อหรือปู่ย่าตายาย เขาก็ยังคงทำพฤติกรรมนี้ พร้อมกับแสดงแววตาคล้ายต้องการบางอย่าง เมื่อผู้ใหญ่เข้าไปห้ามก็มักใช้วิธีกอดแน่นๆ หรือเอามือแตะหน้าผากเบาๆ เด็กชายกลับยิ่งดูตื่นเต้น แต่ไม่เคยพูดถึงสาเหตุของพฤติกรรมดังกล่าวเลย
หลังสังเกตพฤติกรรมอยู่ระยะหนึ่ง คุณแม่เริ่มรู้สึกเครียด และกลัวว่าลูกอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทหรือพัฒนาการล่าช้า จึงตัดสินใจพาไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และได้รับคำอธิบายว่า พฤติกรรม “เอาหัวโขก” เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในเด็กวัยเล็ก ด้วยเหตุผลหลายประการ อาจเป็นเพราะเด็กไม่ระวัง หรือตั้งใจทำเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ปกครอง เด็กอายุน้อยหลายคนมีพฤติกรรมเช่นนี้เพราะพวกเขาไม่มีทักษะพื้นฐานในการสื่อสาร ต้องการได้รับความสนใจจากพ่อแม่แต่ไม่รู้วิธีแสดงออก
เด็กเลือกที่จะทำเช่นนั้นเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ของพวกเขา เมื่อเด็กมีความสุขเขาสามารถแสดงออกถึงความสุขได้ แต่บางครั้งอารมณ์ทางบวกหรือทางลบก็มีอิทธิพลต่อจิตใจของเด็กอย่างมาก สามารถทำให้อารมณ์ของเด็กสวิงอย่างรุนแรง และไม่สามารถระบายอารมณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันสั้น อาจทำให้ภาวะอารมณ์ตึงเครียดก่อตัวขึ้น และเด็กจะคลายความกดดันทางอารมณ์ด้วยการเอาหัวโขก
นอกจากนี้ หากร่างกายของเด็กมีอาการที่ไม่พึงประสงค์ เด็กก็แสดงออกในลักษณะนี้เช่นนั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเด็กรู้สึกปวดหัว ก็อาจจะโขกหัวลงบนพื้น หรือเมื่อรู้สึกไม่สบายที่แขนขา ก็จะทุบตีแขนขาลงบนพื้น เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น และเด็กๆ ก็ยังสามารถแสดงพฤติกรรมแบบ "เอาหัวโขก" ได้เพราะมีพลังงานมากในช่วงพัฒนาการเช่นกัน ดังนั้น ถ้าสามารถใช้พลังงานผ่านการเล่น การเรียนรู้ ฯลฯ อาการใช้หัวโขกหรือใช้มือทุบจะไม่เกิดขึ้นอีก
ทำไมเด็กถึงชอบเอาหัวโขก? หมออธิบายสรุปพฤติกรรมเด็กจงใจเอาศีรษะโขกผนัง พื้น หรือเตียง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
-
เด็กยังไม่มีทักษะในการสื่อสาร จึงใช้การกระทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ
-
เด็กต้องการระบายอารมณ์ เพราะไม่รู้วิธีแสดงออกที่เหมาะสม
-
อาจเกิดจากอาการเจ็บป่วย เช่น ปวดหัวหรือไม่สบายตัว แล้วแสดงออกด้วยการโขกหัว
-
พลังงานเหลือมากในช่วงวัยกำลังเติบโต แต่ไม่ได้ใช้พลังงานอย่างเหมาะสม
ในกรณีที่พฤติกรรมรุนแรงและเกิดจากปัญหาทางจิตใจหรืออารมณ์ จะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กในภายหลังอย่างมาก เด็กที่มีการจัดการอารมณ์ส่วนบุคคลไม่ดี พวกเขามักเติบโตขึ้นมาพร้อมกับนิสัยโมโหง่าย หงุดหงิด เอาแต่ใจ หรือโยนความผิดให้คนอื่น ที่แย่กว่านั้น เมื่ออารมณ์ด้านลบสะสมมากและไม่ได้รับการปลดปล่อย นำไปสู่ความกดดันทางจิตวิทยาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกซึมเศร้า ไม่มั่นคง นำไปสู่พฤติกรรมสุดโต่งบางอย่าง
พ่อแม่ควรทำอย่างไร? คุรหมอแนะนำวิธีดูแลและเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ให้ลูก ดังนี้
-
เป็นแบบอย่างที่ดี: พ่อแม่ควรมีวินัยทางอารมณ์ เพราะเด็กจะเลียนแบบการจัดการอารมณ์จากผู้ใหญ่ในบ้าน
-
สอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ของตัวเอง: เช่น ความโกรธ ความกลัว ความตื่นเต้น และวิธีจัดการกับมัน
-
ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างสร้างสรรค์: เช่น เล่นกีฬา วาดรูป ฟังเพลง หรือกิจกรรมสร้างสมาธิ
-
ไม่ตามใจเกินไป: ความรักไม่ใช่การตามใจทุกอย่าง แต่ต้องมีขอบเขต เพื่อให้เด็กเรียนรู้การควบคุมตัวเอง
ความสามารถในการจัดการอารมณ์ของเด็กสามารถระบุได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของเขา ดังนั้นพ่อแม่จึงต้องเอาใจใส่และฝึกทักษะในการจัดการกับอารมณ์ของลูก การเลี้ยงลูกต้องมีวินัยในตัวเอง พ่อแม่คือกระจกเงา เพราะลูกจะเรียนรู้และเลียนแบบอุปนิสัยและวินัยจากพ่อแม่ หากพ่อแม่ตามใจอารมณ์ของลูกมากเกินไป จะส่งผลต่อนิสัยและบุคลิกภาพของลูกไม่มากก็น้อย พ่อแม่ควรช่วยให้ลูกรู้จักและเข้าใจอารมณ์ ต้องสอนพวกเขาว่าอะไรถูกหรือผิด เพื่อชี้แนะพวกเขาให้หาวิธีที่เหมาะสมกว่าในการปลดปล่อยอารมณ์ของตนเอง รวมถึงวิธีระงับความโกรธ หรือวิธีลดความโกรธ เป็นต้น
พฤติกรรมเอาหัวโขกพื้นหรือผนังในเด็กเล็ก อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าลูกกำลังมีปัญหาทางร่างกายหรือจิตใจ พ่อแม่จึงควรเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด และหมั่นฝึกฝนทักษะการจัดการอารมณ์ให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อวางรากฐานที่ดีให้พัฒนาการระยะยาว
- ลูกวัย 8 เดือน เป็นไข้เสียชีวิต หมอชี้สาเหตุ "วิธีป้อนอาหาร" แม่ถึงกับตบพี่เลี้ยง
- ไม่เด็กแล้ว! สาวตัวเล็กเหมือน 3 ขวบ ที่จริงเป็นเจ้าของธุรกิจ บอกอายุจริงใครก็ไม่เชื่อ