ลูกสาว 5 ขวบด โทรมาร้องไห้ บอกว่าแม่บ้านทิ้งของเล่นลงถังขยะ แม่ตรวจดูกล้องในบ้าน เห็นแล้วประทับใจ ถึงกับรีบขึ้นเงินเดือนให้ทันที
เว็บไซต์ Kenh14.vn ของเวียดนาม เล่าเรื่องราวของคุณแม่รายหนึ่ง ซึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวของการจ้าง "แม่บ้าน" มาช่วยทำงานบ้าน แต่กลายเป็นว่าเมื่อเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายทำกับลูกสาว วัย 5 ขวบ คุณแม่รายนี้ตัดสิใจเพิ่มเงินเดือนให้ทันที
คุณแม่รายนี้ เล่าว่า ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนค่อนข้างทันสมัยและใจดีในเรื่องการจ้างแม่บ้าน ไม่จุกจิก ไม่จับผิด มีงานก็บอกให้ช่วย พอเสร็จก็ให้พักตามเวลา คุณนา แม่บ้านที่อยู่กับบ้านฉันมากว่า 6 เดือน เพื่อนแนะนำมา เป็นคนพูดน้อย ทำงานเงียบ ๆ สะอาดเรียบร้อยและใส่ใจมาก
ดังนั้นเมื่อวันหนึ่งลูกสาววัย 5 ขวบของฉันโทรมาร้องไห้บอกว่า “ป้านาทิ้งของเล่นชิ้นโปรดหนูลงถังขยะ” ฉันก็รู้สึกโกรธมาก
ฉันรีบเปิดกล้องวงจรปิดในห้องนั่งเล่นและห้องครัวเพื่อตรวจสอบ ตอนแรกก็เห็นจริง ๆ ว่าคุณนากำลังเก็บของเล่นที่กระจัดกระจายแล้วใส่บางชิ้นลงในถุงพลาสติก ฉันขมวดคิ้วในใจ “ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ เด็กก็ต้องเล่นของเล่นสิ…”
Jep Gambardella
ฉันดูต่อไป เห็นว่าเธอล้างจานเสร็จแล้วก็รีบเช็ดเตา จากนั้นทรุดนั่งลงพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ดื่มน้ำเปล่าช้า ๆ มือของเธอบวมเพราะน้ำยาล้างจาน หยาบกร้านและย่นยับ อาจเพราะไม่มีเวลา เธอจึงใช้ผ้าเช็ดเตาครัวซับเหงื่อ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ดูต่อ
และแล้ว ฉันก็เห็นภาพที่เปลี่ยนมุมมองของฉันไปอย่างสิ้นเชิง
ในห้องนั่งเล่น ลูกสาวของฉันนั่งกอดตุ๊กตาน้ำตาคลอเบ้า คุณนาอยู่ข้าง ๆ อธิบายอะไรบางอย่างเบา ๆ แม้กล้องจะไม่ได้บันทึกเสียงชัดเจน แต่ฉันเห็นลูกหยุดร้อง พยักหน้า แล้วกอดตุ๊กตาไว้อย่างทะนุถนอมก่อนจะวางไว้อย่างเรียบร้อยบนชั้นไม่ให้ตกกระจาย
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ฉันเห็นลูกเริ่มเก็บของเล่นด้วยตัวเอง สิ่งที่เมื่อก่อนต้องเตือนแล้วเตือนอีกถึงจะทำ
ฉันย้อนดูภาพอีกครั้ง แล้วก็เข้าใจว่า การที่คุณนาใส่ตุ๊กตาลงถุงพลาสติกนั้น แท้จริงเป็นเพียง “บทเรียนจำลอง” เพื่อสอนให้ลูกฉันรู้จักรักษาข้าวของ และเข้าใจผลลัพธ์ของความไม่เป็นระเบียบ โดยไม่ต้องตะโกนดุ หรือใช้ไม้แข็ง เธอเลือกให้เด็กได้สัมผัสกับความเสียใจ ผ่านความผูกพันที่มีต่อตุ๊กตาตัวโปรดของตัวเอง
ฉันนึกถึงคำพูดของเธอที่เคยบอกว่า “เด็กสมัยนี้ไม่ได้ขาดของเล่นหรอกค่ะ ขาดแค่ความเข้มงวดที่เหมาะสมในเวลาที่ควรจะมี” ตอนนั้นฉันแค่ยิ้มรับอย่างถนอมน้ำใจ ไม่คิดเลยว่าเธอจะจริงจังกับการอบรมสั่งสอนขนาดนี้
เย็นวันถัดมา ฉันกลับบ้านเร็วขึ้น ไม่พูดอะไรมาก แค่ยื่นเงินเพิ่มเป็นเบี้ยเลี้ยงรายเดือนให้เธอ แล้วบอกว่า “ขอบคุณนะคะ ที่ไม่ได้แค่ช่วยงานบ้าน แต่ยังช่วยสอนลูกฉันให้เป็นคนดี”
เธอถึงกับตาแดง น้ำตาคลอ แต่ก็พยายามกลั้นไว้ไม่ให้ไหลออกมา
ฉันไม่เคยเล่าเรื่องกล้องวงจรปิดให้ลูกฟัง และก็ไม่ได้ตำหนิเรื่องที่คุณนาใช้ผ้าเช็ดเตาเช็ดเหงื่อ เพราะฉันเข้าใจว่า แม้บางสิ่งจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าเกิดจากเจตนาดี ก็ควรได้รับความเห็นใจ
คนช่วยงานบ้าน ไม่ได้มีหน้าที่แค่ถูบ้านหรือทำอาหาร พวกเขาอาจเป็นเพื่อนร่วมทาง เป็นแรงสนับสนุนเงียบ ๆ ที่ช่วยให้ครอบครัวเราเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นในแต่ละวัน
หลังจากเรื่องนั้น ฉันเริ่มคิดมากขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับผู้ช่วย ควรชัดเจนแต่ก็ต้องยุติธรรม ควรสอนลูกด้วยตัวเอง แต่บางครั้งก็ควรเปิดโอกาสให้คนอื่นร่วมสอนด้วย โดยเฉพาะเมื่อเขาทำด้วยใจจริง
ทุกวันนี้ เวลามีเพื่อนถามว่า "ทำยังไงถึงได้ผู้ช่วยดีแบบนี้"
ฉันแค่ตอบง่าย ๆ ว่า “ลองมองให้ลึกกว่าภาพจากกล้องสิ ใช้หัวใจสังเกตดูบ้าง”