สาวช็อก! หมอเตือน "ตับ" ไม่แข็งแรง ทั้งที่ไม่ดื่มเหล้า ที่แท้ดื่มสิ่งนี้ทุกเช้ามา 15 ปี

1 week ago 13
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

คุณแม่ลูกสองวัย 35 ปี ถูกหมอเตือน "ตับ" ไม่แข็งแรง ทั้งที่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ สุดท้ายสารภาพดื่ม "เครื่องดื่มชูกำลัง" ทุกเช้านาน 15 ปี 

ลูซี่ พาร์กเกอร์ เผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับสุขภาพของเธอเป็น "แรงกระตุ้น" สำคัญที่ทำให้เธอตัดสินใจเลิกนิสัยนี้ หลังทำมาต่อเนื่องนานกว่าสิบปี

แม้จะรู้ดีว่า การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประจำนั้น "ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด" แต่ลูซี่ พาร์กเกอร์ คุณแม่ลูกสองวัย 35 ปีกลับไม่เคยคิดว่านิสัยนี้จะเป็นปัญหา จนกระทั่งเธอเพิ่งค้นพบผลกระทบร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย

ลูซี่ ซึ่งเดิมอาศัยอยู่ที่เมืองเมเดนเฮด ประเทศอังกฤษ และปัจจุบันย้ายไปใช้ชีวิตในออสเตรเลีย ได้ไปพบแพทย์หลังมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และเข้ารับการตรวจด้วยเครื่อง CT scan เพื่อหาสาเหตุ

ผลตรวจพบว่าเธอมี "ก้อนเนื้อ" บริเวณรังไข่ข้างหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้แพทย์กังวลไม่ใช่เรื่องนั้น แพทย์แจ้งว่า "ตับของเธอดูไม่แข็งแรงเอาเสียเลย"

ลูซี่ให้สัมภาษณ์กับ LADbible ว่า แพทย์แจ้งว่าเธออาจเป็นโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (NAFLD) ซึ่งตามข้อมูลของ NHS โรคนี้เกิดจากการที่มีไขมันสะสมในตับมากเกินไป

หากไม่ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรก อาจนำไปสู่ความเสียหายรุนแรงต่ออวัยวะ เช่น ตับแข็ง และเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไต

เมื่อย้อนเล่าถึงตอนทราบข่าว ลูซี่กล่าวว่า “ฉันถึงกับอุทานว่า ฉันไปเอาโรคแบบนั้นมาจากไหนกัน? ฉันไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่ยุ่งกับยาเสพติดเลย”

เธอกับแพทย์ได้พยายามหาสาเหตุ โดยตรวจเลือดหลายรายการเพื่อดูว่ามีโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองหรือไม่ ก่อนที่สุดท้ายจะเริ่มพูดคุยถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต และลูซี่ก็สารภาพว่าเธอดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเป็นอาหารเช้ามานาน

ลูซี่ยอมรับว่า ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เธอมักจะเริ่มต้นวันด้วยการจิบเครื่องดื่มชูกำลัง 1 กระป๋อง ก่อนจะดื่มต่ออีก 2 กระป๋องก่อนเที่ยง

เมื่อพูดออกมาเป็นคำพูด เธอถึงกับตระหนักว่า ตัวเองพึ่งพาเครื่องดื่มชนิดนี้มานานเกินไปจริง ๆ และคำตำหนิจากแพทย์ก็ยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้ว่า ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว

ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง

ลูซี่เล่าให้ LADbible ฟังว่า เธอติดใจเครื่องดื่มชูกำลังที่เต็มไปด้วยน้ำตาลได้อย่างไรว่า “ตอนแรกฉันดื่มแค่ช่วงกลางวันเพื่อเพิ่มความสดชื่นเท่านั้น

แต่หลังมีลูกประมาณ 7 ปีที่ผ่านมา ฉันเริ่มดื่มตั้งแต่เช้าทันที เพราะรู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา”

ลูซี่ยังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น (ADHD) แต่ไม่ได้รับประทานยารักษา และตามคำบอกของจิตแพทย์ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเลือกดื่มเครื่องดื่มชูกำลังตั้งแต่เช้า

“จิตแพทย์บอกว่า ฉันดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อให้ร่างกายได้รับโดปามีนในปริมาณมากในตอนเช้า” ลูซี่กล่าวต่อ

“เมื่อร่างกายได้รับในตอนเช้าแล้ว มันจึงยากมากที่จะไม่ดื่มซ้ำตลอดวัน ฉันยิ่งดื่มยิ่งอยากดื่มมากขึ้น"

“หลังจากมีลูก ฉันแทบควบคุมอาการ ADHD ไม่ได้เลย เพราะต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งการดูแลธุรกิจและลูก ๆ "

“สำหรับฉัน เครื่องดื่มนี้ไม่ใช่เพื่อเพิ่มพลังงาน แต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ฉันรู้สึกสงบ มีความสุข และผ่านวันไปได้ "

“ฉันไม่ได้รู้สึกคึกคักเหมือนคนอื่น ๆ ที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง แต่มันช่วยให้ฉันสงบ มีสมาธิ และแจ่มใส”

Tima Miroshnichenko

สัญญาณเตือนจากร่างกาย

เมื่อร่างกายเธอได้รับน้ำตาลมากเกินไปตั้งแต่เช้า ตับของลูซี่จึงต้องทำงานหนักเพื่อจัดการกับน้ำตาลเหล่านั้น น้ำตาลส่วนเกินจึงถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน จนนำไปสู่โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (NAFLD)

หลังจากเข้าพบแพทย์และได้รับคำเตือนครั้งสำคัญนี้ ลูซี่จึงตัดสินใจว่า 2 กระป๋องสุดท้ายในตู้เย็นจะเป็นกระป๋องสุดท้าย และตั้งใจเลิกดื่มเครื่องดื่มชูกำลังทันทีโดยไม่ค่อยมีการค่อยเป็นค่อยไป

เธอกล่าวว่าเหตุการณ์นี้กลายเป็น “แรงจูงใจ” ที่ทำให้เธอเลิกดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ได้ในที่สุด หลังจากนั้นเธอก็สามารถเลี่ยงไม่ดื่มอีกเลย

สิ่งนี้ส่งผลดีอย่างมากต่อสุขภาพตับของเธอ เพราะเมื่อกลับไปตรวจซ้ำกับแพทย์อีกครั้งในสัปดาห์ถัดมา แพทย์แจ้งว่าตับของเธอดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ลูซี่เล่าว่า “หมอบอกว่า เธอทำอะไรมา? ฉันแค่เลิกดื่มเครื่องดื่มชูกำลังทันทีเลย ไม่มีค่อย ๆ ลด เพราะฉันไม่มีนิสัยที่จะดื่มแค่กระป๋องเดียว ถ้าดื่มแล้วก็อยากดื่มอีกเรื่อย ๆ

ดังนั้นฉันเลยเลิกแบบทันทีทันใด และต้องใช้เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นแรงผลักดัน นั่นแหละคือแรงจูงใจ”

นอกจากนี้ เธอยังได้รับการตรวจฟิโบรสแกน (Fibroscan) ซึ่งตาม NHS คือการตรวจด้วยคลื่นเสียงเพื่อวัดการอักเสบในตับ

“มันช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าตับของคุณเป็นอย่างไร” หญิงสาววัย 35 ปีเล่า “และผลออกมาไม่ใช่ตับแข็ง แต่เป็นไขมัน ซึ่งสามารถกลับมาเป็นปกติได้”

อนาคตของลูซี่

นอกจากจะเผชิญกับความยากลำบากในการลดน้ำหนักแล้ว ลูซี่ยังบอกว่า ร่างกายเธอไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ ว่ากำลังพังทลายจากเครื่องดื่มที่ดื่มอยู่ แม้ตอนนี้เธอจะตระหนักดีว่าตัวเองติดมันอยู่จริง ๆ

เธอกล่าวต่อว่า “ฉันเลิกดื่มมาหลายครั้ง แต่ก็กลับไปดื่มอีก แล้วก็พูดกับตัวเองว่า สักวันหนึ่ง ฉันจะเลิกได้เองแหละ คงไม่เป็นไร มันคือการติดจริง ๆ และฉันใช้เวลานานมากกว่าจะยอมรับเรื่องนี้ รู้สึกเขินอายที่จะพูดถึงมันมาก"

“แต่การติดก็คือการติด บางครั้งก็หยุดไม่ได้จริง ๆ พอฉันได้รู้สาเหตุว่าทำไมถึงพึ่งพามันมากขนาดนี้ และมันเกิดขึ้นได้ยังไง ทุกอย่างก็เริ่มมีเหตุผลขึ้นมา”

เธอได้แบ่งปันเรื่องราวสุขภาพของตัวเองให้ผู้ติดตามกว่า 35,000 คนบน TikTok @abundantlylucy เพื่อสร้างความรับผิดชอบต่อตัวเอง และตอนนี้เธอกำลังใช้เวลาเรียนรู้ให้ลึกซึ้งถึงวิธีดูแลร่างกายอย่างถูกต้อง

“ฉันต้องหาวิธีธรรมชาติอื่น ๆ ที่จะช่วยให้ได้รับโดปามีนแบบที่ฉันเคยใช้เครื่องดื่มชูกำลังช่วย” ลูซี่กล่าว พร้อมกับบอกว่า ตอนนี้เธอมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูตับให้กลับมาแข็งแรง

“ฉันเคยชอบตื่นก่อนลูก ๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง เปิดตู้เย็นหยิบกระป๋องมากิน แล้วนั่งเงียบ ๆ ซึ่งกลายเป็นพิธีกรรมของฉันไปแล้ว แต่ตอนนี้ ฉันก็คิดว่าจะมีพิธีกรรมใหม่ ๆ อะไรที่ฉันจะเปลี่ยนมาแทนได้บ้าง? แล้วฉันจะทำอะไรแทนดี?”

“ฉันอายุ 35 ปีแล้ว ฉันไม่ต้องการมีโรคร้ายแรงใด ๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากตัวเอง นี่คือสิ่งที่ฉันต้องทำให้ได้”

ลูซี่อยากให้คนที่อาจอยู่ในสถานการณ์คล้ายกับเธอได้ “ลองคิดให้ลึกซึ้งว่าพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำร้ายร่างกายของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัวแค่ไหน”

“ลองไปตรวจเลือดและให้เขาตรวจตับดูว่ามีผลกระทบอะไรบ้างหรือเปล่า” เธอกล่าว

“ทุกอย่างถ้าทำในขอบเขตที่พอดีถือว่าไม่เป็นไร แต่ปัจจุบันนี้เราพึ่งพาสิ่งเหล่านี้มากเกินไป และนั่นแหละคือปัญหา ฉันชอบรสชาติและเพลิดเพลินกับการดื่ม แต่มาตอนนี้ฉันบอกตัวเองว่าไม่จำเป็นต้องดื่มอีกแล้ว”

ทั้งนี้ ระบบสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร (NHS) แนะนำผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไขมันพอกตับ (NAFLD) ให้รีบดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม และการมีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยให้มีโอกาสฟื้นฟูมากที่สุด

การลดน้ำหนัก รับประทานอาหารสุขภาพ เลือกดื่มน้ำแทนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ออกกำลังกายเป็นประจำ เลิกบุหรี่ และงดเหล้า ล้วนช่วยฟื้นฟูตับให้แข็งแรงได้

Read Entire Article