สาววัย 20 ปี แชร์ประสบการณ์ สัญญาณเตือนมะเร็งแปลก ๆ ที่แพทย์เคยมองข้าม ลั่น "ถ้าฉันไม่ยืนหยัดสู้เอง ป่านนี้อาจตายไปแล้ว"
หญิงสาววัย 20 ปี จากรัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเตือนผู้คนผ่านโซเชียลมีเดีย หลังจากที่เจอกับสัญญาณเตือนแปลก ๆ ของเธอถูกแพทย์เพิกเฉย จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“ถ้าใครเคยมีอาการแบบนี้ รีบไปโรงพยาบาลทันที และอย่าลืมยืนยันสิทธิของตัวเองนะคะ เพราะถ้าฉันไม่ยืนกรานให้หมอตรวจจริงจัง ป่านนี้คงไม่รอดแล้ว” เคนซี ดรายเดน กล่าวในคลิป TikTok ล่าสุดของเธอ
ดรายเดนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน (Hodgkin lymphoma) ในเดือนเมษายน ปี 2023 ขณะที่เธออายุเพียง 18 ปี ตามรายงานของ The Des Moines Register โดยโรคนี้ส่งผลกระทบต่อระบบน้ำเหลืองของร่างกาย
สัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าร่างกายเธอมีความผิดปกติ คือเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าตาขวาเปิดได้ไม่สุด
“ตาขวาของฉันดูเหมือนตุ๊กตาที่พังแล้วเลยค่ะ” เธอกล่าว
ในตอนนั้น ดรายเดนซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยไมอามี รีบไปที่แผนกฉุกเฉิน แต่กลับพบว่ารูม่านตาขวาของเธอบวมโตขึ้นอย่างผิดปกติ ทว่าหมอหลายคนกลับมองข้ามอาการของเธอ
“ฉันไปหาหมอถึง 5 คน… แต่ทุกคนบอกว่าเป็นเพราะเครียด” เธอเล่า “จริง ๆ แล้วมันเรียกว่า กลุ่มอาการฮอร์เนอร์’ (Horner syndrome) ซึ่งทำให้รูม่านตาข้างหนึ่งขยายใหญ่กว่าปกติ แต่หมอกลับบอกว่า แค่นักศึกษามหาวิทยาลัยเครียดเกินไปเอง ไม่ใช่อะไรร้ายแรงหรอก”
จนกระทั่งเธอไปที่สถาบันตา Bascom Palmer Eye Institute ในไมอามี แพทย์ที่นั่นจึงตัดสินใจส่งเธอทำ CT scan และพบก้อนเนื้อร้ายขนาดใหญ่อยู่ในหน้าอก
“หมอบอกว่า พวกเราไม่เข้าใจเลยว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง และทำไมคุณถึงไม่รู้สึกอะไรเลย” เธอกล่าว พร้อมเสริมว่า อาการอื่น ๆ ที่เธอมีคือ ใบหน้าซูบลง และเหนื่อยล้าอย่างต่อเนื่อง
“ฉันเริ่มทำคีโมทันที และหมอบอกว่าถ้าไม่เริ่มรักษา ฉันคงเสียชีวิตภายในไม่กี่เดือน”
ตอนนี้เธอดีใจที่เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง และอยากให้คนอื่นกล้าทำแบบเดียวกัน
“ได้โปรดฟังเสียงของร่างกายตัวเอง และกล้ายืนหยัดเพื่อตัวคุณเอง” เธอกล่าว “เพราะบางครั้งหมอก็อาจวินิจฉัยผิดได้”
ผู้ชมหลายคนขอบคุณเธอที่ออกมาแชร์เรื่องราวนี้ พร้อมทั้งรู้สึกตกใจที่แพทย์หลายคนกลับเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนอันตรายเช่นนี้
“ไม่มีหมอคนไหนควรมองข้ามอาการรูม่านตาสองข้างไม่เท่ากันเด็ดขาด” ชาวเน็ตคนหนึ่งแสดงความคิดเห็น “มันเป็นสัญญาณชัดเจนว่าระบบประสาทกำลังมีปัญหา”
อีกคนเสริมว่า “ทำไมหมอส่วนใหญ่ถึงชอบโยนทุกอย่างให้เป็นแค่ความเครียดหรือวิตกกังวลกันนะ?!”
หลายคนอาจมองว่าเรื่องราวของเธอสะท้อนแนวโน้มที่น่ากังวล โดยเฉพาะกรณีที่ผู้หญิงวัยหนุ่มสาวมักถูกมองข้ามหรือวินิจฉัยอาการผิดพลาด
เช่นเดียวกับลูซี่ ยังเกอร์ วัย 23 ปี ที่เคยถูกบอกว่าอาการชักและเห็นภาพหลอนของเธอเป็นเพียงความวิตกกังวล ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าเธอมีเนื้องอกในสมอง
ในทำนองเดียวกัน มอลลี่ สมิธ วัย 21 ปี เคยมีอาการชาที่ไม่หายขาด แต่กลับถูกวินิจฉัยว่าเป็นเพียงภาวะขาดน้ำและความเครียด จนสุดท้ายถึงพบว่าเธอเป็นมะเร็งรังไข่
ส่วนนักเทนนิสอาชีพ กาบี้ ดาโบรสกี้ ก็เคยถูกแพทย์บอกว่าไม่ต้องกังวลกับก้อนเนื้อที่เต้านมซ้ายของเธอ แต่ต่อมาพบว่ามันคือมะเร็งเต้านม