ปมดราม่าจากซอง “For Export Only” อ.เจษฎา ยืนยัน “มาม่าส่งออก” ได้มาตรฐานอาหาร แม้รสชาติอาจต่างจากไทย!
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมายืนยันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant ช่วยยืนยันว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าที่ส่งออกไปต่างประเทศมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารแน่นอน แม้จะมีรสชาติแตกต่างจากที่จำหน่ายในประเทศไทยก็ตาม
กระแสเริ่มต้นจากการเผยแพร่ภาพซองมาม่าที่มีข้อความ "For Export Only" ผ่านเพจเฟซบุ๊กแห่งหนึ่ง พร้อมคำบรรยายเป็นภาษาเขมร ซึ่งเมื่อแปลเป็นไทยสื่อความหมายได้ว่า เพจดังกล่าวตั้งข้อสังเกต สินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยไปจำหน่ายในต่างประเทศ เช่น กัมพูชา อาจมีคุณภาพต่ำกว่า และอาจมีการใช้สารเคมีอันตราย แตกต่างจากสินค้าที่จำหน่ายภายในประเทศไทย ซึ่งสร้างความวิตกกังวลถึงความปลอดภัยในหมู่ผู้บริโภคประเทศปลายทาง
นอกจากนี้ ยังมีการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์อาหารไทยอื่นๆ เช่น เครื่องเทศ นมแดง และเลมอนบาล์ม ที่จำหน่ายในไทยกับเวอร์ชันที่ส่งออกไปกัมพูชา โดยอ้างว่าเวอร์ชันส่งออกไปนั้นมีคุณภาพด้อยกว่า และถึงขั้นเตือนให้ระวังหากทานไปนานๆ อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ทำให้เกิดความผู้บริโภคชาวกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.เจษฎา ระบุว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง และเป็นเพียงการตีความไปเอง พร้อมย้ำว่า สินค้าทุกชนิดที่ผลิตในประเทศไทย ทั้งเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก ล้วนต้องผ่านมาตรฐานด้านอาหาร ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข
อีกทั้งเมื่อมีการส่งออกไปต่างประเทศ สินค้าทุกชิ้นต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศปลายทาง ก่อนจึงจะสามารถวางจำหน่ายได้
- มีของไทย 2 รส!!! จัดอันดับท็อป 10 "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" ในเอเชีย ที่เหมาะกินกับข้าว
- กินบ่อยแต่เพิ่งรู้! เทียบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ใส่และไม่ใส่ "เครื่องปรุง" โซเดียมต่างกันจนน่าตกใจ
แล้วทำไมรสชาติถึงต่าง? ทำไมต้องแยกสินค้าส่งออก?
แม้กระบวนการผลิตจะได้มาตรฐานเดียวกัน แต่รสชาติของมาม่าในแต่ละประเทศอาจมีความแตกต่างกันบ้าง เพื่อให้เหมาะกั รสนิยมของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ เช่น ลดความเผ็ดหรือความจัดจ้านเมื่อต้องส่งไปยังประเทศฝั่งตะวันตก
ส่วนบรรจุภัณฑ์และฉลากของสินค้าส่งออกจะมีความแตกต่างจากสินค้าที่จำหน่ายในประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาที่ใช้ และเพื่อความชัดเจน มักจะมีการระบุข้อความกำกับว่าเป็นสินค้าเพื่อส่งออกเท่านั้น
สำหรับ “มาม่า” ถือเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ที่มีโรงงานผลิตอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมา กัมพูชา บังกลาเทศ และฮังการี และสามารถส่งออกไปยัง กว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุด คือสหรัฐอเมริกา เครื่องปรุงทั้งหมดส่งจากไทย แต่ใช้น้ำมันปาล์มจากอินโดนีเซีย และแป้งจากแต่ละภูมิภาค
ร้อยละ 99 ของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตซองเครื่องปรุงมาม่า มาจากวัตถุดิบธรรมชาติในประเทศ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอม กระเทียม ฯลฯ ที่ชาวบ้านนำส่งโรงงานเพื่อนำไปบดเป็นผงและบรรจุในซองเครื่องปรุง บางประเทศยังมีรสชาติพิเศษเฉพาะถิ่น เช่น รสหมี่กะทิในเมียนมา หรือ บะหมี่แห้งในบังกลาเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมการบริโภคของแต่ละประเทศ
ถึงแม้มาม่าจะได้มาตรฐานและปลอดภัย แต่ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากมีปริมาณโซเดียมสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคในไทย กัมพูชา หรือประเทศอื่นๆ ก็ตาม
ทั้งนี้ จากข้อมูลเพิ่มเติมในคอมเมนต์ มีการระบุว่า การแยกสินค้าเพื่อส่งออกมีเหตุผลด้านภาษี โดยเฉพาะ วัตถุดิบที่นำเข้ามาเพื่อผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องแยกสินค้าสำหรับส่งออกให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบของภาครัฐ
การอ้างว่าสินค้าไทยที่ส่งออกมีคุณภาพสูงกว่าเวอร์ชันที่จำหน่ายในประเทศ ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์และระบบมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรณีของ “มาม่า” ซึ่งผลิตภายใต้กระบวนการที่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดทั้งในไทยและต่างประเทศ