ส่องบทบาท 5 หมอ ตัวละครนำทัพจบ "คดีคนชั้น 14" กุญแจสำคัญสู่วันที่ 13 มิ.ย.นี้

2 weeks ago 21

นับถอยหลัง อีก 11 วันไปสู่ 2 วันดีเดย์ทางการเมือง ทั้งการประชุมของ “แพทยสภา” (12 มิ.ย. 2568) เพื่อพิจารณากรณี “การวีโต้” มติที่ประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค. 68 ที่ให้ลงโทษ “3 หมอ”

ระหว่างการนับถอยหลัง อีก 11 วันไปสู่ 2 วันดีเดย์ทางการเมือง ทั้งการประชุมของ “แพทยสภา” (12 มิ.ย. 2568) เพื่อพิจารณากรณี “การวีโต้” มติที่ประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค. 68 ที่ให้ลงโทษ “3 หมอ” ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข ในฐานะ “สภานายกพิเศษ” และกำหนดนัดของ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” (13 มิ.ย.) ในคดีไต่สวนกรณีการอ้างการ “ป่วยทิพย์” โดยไม่มีการ “รับโทษจำคุก” แม้แต่วันเดียวของ “คนชั้น 14” “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย “พ่อ” ของ “นายกอิ๊งค์ แพทองธาร” ที่ปรากฏภาพความพยายาม “ดิสเครดิต” กรรมการ “แพทยสภา” ทั้งปม “ไลน์หมอใหญ่หลุด” ที่มาจากบรรดาผู้คนรอบตัว “คนชั้น 14” ที่เริ่มมีการออกมาโชว์ “พาวเวอร์” ทางการเมือง ว่ายังคอนโทรล “รัฐบาลลูกสาว” ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่าย “ข้าราชการประจำ” ได้

โดยร่องรอยความเคลื่อนไหวการกดดันล็อบบี้ ที่พุ่งตรงไปที่ “กรรมการแพทยสภา” 70 คน ที่มีทั้งกรรมการ “คุณหมอ” ที่เป็นข้าราชการประจำ และเอกชน ถูกมองเชื่อมโยงไปถึงความพยายาม “จัดการ” ของ “ฝ่ายการเมือง” จนทำให้แวดวง “องค์กรแพทย์” และภาคประชาชนในช่วงวันสองวันนี้ ที่มีการออกมาเคลื่อนไหว “เซฟแพทยสภา” เพราะผลวันที่ 12 มิ.ย. ถือเป็น “กุญแจสำคัญ” ไปสู่วันที่ 13 มิ.ย. กับ “คดีคนชั้น 14” ทำให้น่าสนใจไป “ส่องดู” บรรดา “ตัวละคร” “คุณหมอ” ที่มีทั้ง “บทบาท” การทำหน้าที่ในแพทยสภา และ “บทบาท” ในการนำผ่าน “องค์กรวิชาชีพแพทย์” ทั้งในปีก “การเมือง” และแวดวง “องค์กรแพทย์” ในสถานการณ์นี้

ไล่เรียงตั้งแต่บทบาทด้านการเมืองในการบิ๊วสังคม ของ “นพ.วรงค์ เดชวิกรม” ผู้เคยมีผลงานจากการตรวจสอบ “คดีจำนำข้าว” ของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ “น้องสาวทักษิณ” โดย “หมอวรงค์” ที่ถือว่าเป็นคนแรกๆ ที่ร่วมเคลื่อนไหวกรณี “คดีคนชั้น 14” ร่วมกับ “ม็อบ คปท.” กระทั่งเมื่อมีมติแพทยสภา 8 พ.ค. ออกมา ก็ยังเกาะติดและชี้เป้า

เช่นเดียวกับ “หมอตุลย์” “นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์” แพทย์จุฬารุ่น 37 อดีต อดีตแกนนำม็อบทั้งสมัยพันธมิตร (พธม.) และสมัย กปปส. และยังเป็นอดีต “พี่รหัส” ของ “พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์” นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ที่เคยออกมาติง “น้องรหัส” ที่พยายามยื่นร้องขอความเป็นธรรมกรณีมติแพทยสภา ไปยัง “สมศักดิ์” ที่นอกจากจะเคลื่อนไหวเรื่อง “คนชั้น 14” มาตลอดแล้ว ยังเป็นผู้ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ “แพทยสภา” ทำหน้าที่ตั้งแต่การไปยื่นหนังสือขอให้อย่าเลื่อนการประชุมลงมติช่วงต้นเดือน เม.ย. 68 กระทั่งล่าสุดวันนี้ (1 มิ.ย.) ยังคงเคลื่อนไหวผ่านบทความ “แพทย์ตั้งใจรักษาทักษิณ ทำไมต้องถูกลงโทษด้วย” โดยระบุว่าเป็นเพราะข้อมูลการรักษาเป็นเท็จ และยังพูดถึงการวีโต้มติแพทยสภาของ สมศักดิ์ และความเคลื่อนไหวแวดวงแพทย์ที่สนับสนุนมติแพทยสภา ก่อนสรุปตอนท้ายว่า ขั้นตอนต่อไปการประชุมแพทยสภาวันที่ 12 มิ.ย. เพื่อยืนยันมติเดิม คนที่ตึงเครียดที่สุดกลับไม่ใช่แพทย์ที่จะถูกลงโทษ แต่เป็น “ทักษิณ”

ถัดมาเป็นบทบาทใน “แพทยสภา” ของ “ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา” อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ออกมาแถลงมติแพทยสภา วันที่ 8 พ.ค. ฟัน “3 หมอ” อันเป็น “สารตั้งต้น” ที่ทำให้ “ฝ่ายการเมือง” ตอบโต้ด้วย “การวีโต้” ของ “สมศักดิ์” ที่ “หมอประสิทธิ์” ก็ยังยืนยันในที่ประชุมกรรมาธิการสาธารณสุขวุฒิสภา ที่มี “นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล” เป็นประธาน กมธ. (29 พ.ค.) ว่า การลงโทษ 3 หมอ เพราะข้อมูลหลักฐานที่ได้รับไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายดังกล่าว สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสในการให้ข้อมูลทางการแพทย์ เป็น “หมอประสิทธิ์” ผู้ที่ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.กระทรวงดีอี. โพสต์ FB (27 พ.ค.) แสดงความเชื่อมั่นและศรัทธา ใน “หมอประสิทธิ์” ผู้เคยทำหน้าที่สำคัญในริ้วขบวน พระบรมราชอิสริยยศ ด้วยการประคองพระโกศทองใหญ่ ในพิธีอัญเชิญพระบรมโกศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คุณหมอประสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์สุดประทับใจ ว่า “จะขอเป็น 2 มือ ที่ทำหน้าที่นี้แทนคนไทย 68 ล้านคนนั้น”

ถัดมามาเป็น “หมอประยงค์” “ผศ.นพ.ประยงค์ เต็มชวาลา” อดีตนายกสโมสรนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ปี พ.ศ. 2516 ที่ออกมา “ชี้เป้า” ผ่านแถลงการณ์ถึง “ประชาคมแพทย์” ทั่วประเทศ กรณีการ “วีโต้” ของ “สมศักดิ์” โดยบิ๊วให้แพทย์ที่เป็นกรรมการแพทยสภา (ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้ง) ให้เข้าร่วมประชุมกรรมการแพทยสภาเพื่อให้ครบองค์ประชุม และมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ขององค์ประชุม คือไม่น้อยกว่า 47 คน เพื่อมีมติยืนยันมติของแพทยสภาอีกรอบ และขอให้แพทย์ร่วมกับประชาชนเข้าชื่อถอดถอน “สมศักดิ์” ที่ทำให้เกียรติยศและศักดิ์ศรีขององค์กรแพทยสภาเสียหาย รวมถึงร่วมกันโค่นล้มรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ