หลายคนอาจจะทราบกันดีว่า ตับ เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่สำคัญในการล้างพิษ ขจัดสิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย แต่ไม่ได้หมายความว่าตับจะทานทนต่อสิ่งมีพิษทุกชนิด ยิ่งร่างกายรับเอาสิ่งไม่ดีมากเข้าไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ตับทำงานหนัก และยิ่งเราใช้ร่างกายหนัก ตับก็ยิ่งจะเสื่อมเร็วกว่าที่คิด และนำมาซึ่งโรคภัยอันน่ากลัวมากมาย
นพ.หวง ซวน แพทย์ของไต้หวัน ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับ 4 นิสัยทำลายตับ เป็นนิสัยที่หลายคนทำจนเคยชิน แต่เป็นนิสัยที่เป็นอันตรายต่อตับ แนะนำให้ปรับพฤติกรรมก่อนสายเกินไป
- การนอนดึก นี่เป็นนิสัยพื้นฐานของการนำมาซึ่งโรคภัยมากมาย หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่าการนอนดึก อาจทำให้ตับทำงานหนัก เพราะหารนอนดึก ส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดต่ำลง เกิดความเครียด หงุดหงิดง่าย ตับต้องทำงานหนักในการช่วยกำจัดสารพิษและของเสีย ผู้ป่วยตับอักเสบ หรือบางเคสที่รุนแรงถึงมะเร็งตับ มีประวัติเชื่อมโยงกับนิสัยนอนดึกด้วย
- การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสาเหตุหลักของความเสียหายที่ตับอย่างแน่นอน เนื่องจากตับต้องทำงานหนักในการขจัดแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไป การดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลเสียต่อร่างกายหลายระดับ ในกรณีที่ไม่รุนแรง จะทำให้เกิดการสูญเสียเซลล์ตับบางส่วน แต่หากรุนแรง ความเสียหายต่อเซลล์ตับจำนวนมากอย่างถาวรก็จะเกิดขึ้น และอาจถึงขั้นพัฒนาไปสู่ "โรคตับแข็ง" ซึ่งอาจพัฒนาต่อไปเป็น "มะเร็งตับ"
- รับประทานยามากเกินไป การทานยาจำนวนมากเกินความจำเป็น และทานยาโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ อาจทำอันตรายต่อตับโดยตรง ในฐานะที่เป็นอวัยวะล้างพิษในร่างกาย ตับจึงเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญยาเกือบทั้งหมด คำแนะนำสำหรับยาหลายชนิด ยังบ่งชี้ด้วยว่าอาการไม่พึงประสงค์จากยาอย่างใดอย่างหนึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของตับ ดังนั้นการรับประทานยาตามอำเภอใจ หรือรับประทานยามากเกินไป โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ จึงเป็นอันตรายต่อตับมากกว่าการนอนดึกซะอีก
- กินมากเกินไป อ่านมาถึงตรงนี้ สายกินอาจจะตกใจได้ เพราะการกินอาหารบางประเภทมากเกินไป ก็ทำอันตรายต่อตับได้ง่าย เช่น การกินเนื้อสัตว์จำนวนมาก สามมื้อต่อวัน และการรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูง น้ำตาลสูง และอาหารที่มีไขมันสูงเป็นจำนวนมาก การกินมากเกินไปเหล่านี้ จะทำให้ไขมันถูกบีบเข้าสู่เซลล์ตับ อาจพัฒนาเป็น "ไขมันพอกตับ" เมื่อเวลาผ่านไป ภาวะไขมันพอกตับที่รุนแรงจะทำลายการทำงานของตับในที่สุด