แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิษวิทยา สอนวิธี "ล้างผัก-ผลไม้" ชนิดไหนควรล้างแบบไหน หลายคนยังใช้วิธีผิดๆ ยิ่งทำยิ่งสกปรก
แม้จะมีสารพัดเคล็ดลับล้างผักผลไม้แชร์กันในโซเชียล แต่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า นี่คือวิธีที่ ปลอดภัยและได้ผลที่สุด ในการกำจัดสารเคมีตกค้าง
ล้างผักผลไม้อย่างไรให้ปลอดภัย?
สิ่งที่หลายคนกังวลเมื่อกินผักผลไม้ คือสารเคมีอย่างยาฆ่าแมลงที่อาจตกค้างอยู่ ตามข้อมูลจาก HuffPost, ดร.เคลลี่ จอห์นสัน อาร์เบอร์ (Kelly Johnson Arbor) ผู้อำนวยการแพทย์จากศูนย์พิษวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่า
"การล้างผักผลไม้ด้วยน้ำไหลจากก๊อกโดยตรง เป็นวิธีง่ายที่สุด ปลอดภัยที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการขจัดยาฆ่าแมลงและแบคทีเรีย"
เพราะเหตุใดไม่ควรแช่ผักในน้ำ?
ดร.เคลลี่ อธิบายว่า การแช่ผักผลไม้ในน้ำอาจช่วยลดสารตกค้างบางส่วน แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงที่แบคทีเรียจะกระจายตัวและปนเปื้อนมากขึ้น
ทั้ง ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ (CDC) และ องค์การอาหารและยา (FDA) ก็เห็นพ้องกันว่า:
ควรล้างผักผลไม้ด้วยน้ำก๊อกที่ไหลผ่านเท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้น้ำส้มสายชู น้ำยาล้างผัก หรือสารเคมีใด ๆ เหตุผลเพราะ ผักผลไม้อาจดูดซึมสารเหล่านี้เข้าไปภายใน ทำให้เสี่ยงต่อสุขภาพแทน
ดร.เอ็มมา เลง (Emma Laing) จากมหาวิทยาลัยจอร์เจียยังเสริมว่า ผลิตภัณฑ์ล้างผักหลายชนิดในท้องตลาด ยังขาดการรับรองด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่เพียงพอ
วิธีล้างผักผลไม้ที่ถูกต้อง ตามประเภท
แม้การล้างด้วยน้ำไหลจะดีที่สุด แต่ต้องพิจารณารูปทรงของผักผลไม้แต่ละชนิดด้วย
1. ผักผลไม้เนื้ออ่อน เช่น สตรอว์เบอร์รี บรอกโคลี
-
ล้างเบา ๆ ใต้น้ำไหล
-
หลีกเลี่ยงการขัดถูแรง ๆ เพราะอาจทำลายเนื้อผิวและเปิดทางให้แบคทีเรียเข้าไป
2. ผักใบซ้อน เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว
-
ควรแยกแต่ละใบออกมา
-
ล้างซอกซอนตามทุกแผ่นใบ เพื่อกำจัดดินและเชื้อโรคที่ติดอยู่
3. ผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักสลัด
-
แยกออกเป็นก้าน ๆ
-
ล้างทีละก้านใต้ก๊อก อย่าแช่รวมในกะละมัง
4. ผลไม้เปลือกหนา เช่น เมลอน มะม่วง
-
แม้จะไม่กินเปลือก ก็ต้องล้างเปลือกก่อนปอก
-
ป้องกันเชื้อโรคจากผิวภายนอกปนเปื้อนสู่เนื้อด้านใน
อุปกรณ์ช่วยล้างผักที่หลายคนมองข้าม
การใช้ แปรงขัดสำหรับล้างผักผลไม้ เป็นตัวช่วยที่ดี แรงเสียดทานจากขนแปรงสามารถช่วยขจัดคราบดิน ฝุ่น และสารเคมีที่เกาะบนผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ