รู้หรือไม่? นามสกุลไทยชื่อดังหลายชื่อ มีต้นทางจาก "แซ่จีน"
คนไทยเชื้อสายจีนจำนวนไม่น้อยมีต้นกำเนิดจากการอพยพของชาวจีนที่เข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงต้นรัชกาลที่ 6 ซึ่งในปี พ.ศ. 2456 ได้มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติขนานนามสกุล ส่งผลให้ครอบครัวชาวจีนในไทยจำนวนมากต้องปรับตัว และเปลี่ยน "แซ่" ที่ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ให้กลายเป็นนามสกุลแบบไทย เพื่อความสะดวกทั้งในด้านกฎหมาย สังคม และการประกอบอาชีพ
การตั้งนามสกุลไทยจากแซ่จีน แบ่งได้ 2 แนวทาง
จากการศึกษาทางวิชาการพบว่า การตั้งนามสกุลไทยของคนไทยเชื้อสายจีนสามารถจำแนกได้เป็น 2 แนวทางหลัก ได้แก่:
- การตั้งนามสกุลแบบคงเค้าเดิมของแซ่ไว้ (ประมาณ 53.7%)
- คงเสียงเดิมของแซ่: เช่น แซ่ลิ้ม (林) กลายเป็น “ลิ้มทองกุล” หรือ แซ่ตั้ง (陈) กลายเป็น “ตันติพานิชธีระกุล”
- คงความหมายของแซ่: เช่น แซ่เบ๊ (马) แปลว่า “ม้า” กลายเป็น “ศิลปอาชา” หรือ “อัศว...”
- คงทั้งเสียงและความหมาย: เช่น แซ่อึ้ง (黄) แปลว่า “เหลือง” กลายเป็น “เหลืองรัตนา”
- การตั้งนามสกุลแบบไม่คงเค้าเดิมของแซ่ (ประมาณ 46.3%)
- เป็นการตั้งนามสกุลใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับเสียงหรือความหมายของแซ่ เช่น แซ่คู (邱) กลายเป็น “รัตนพงศ์เลขา”
ตัวอย่างการเชื่อมโยงแซ่จีนกับนามสกุลไทย
แซ่ลิ้ม (林) | ลิ้มทองกุล, ลิ้มเจริญรัตน์ | คงเสียงแซ่ |
แซ่ตั้ง (陈) | ตันติพานิชธีระกุล, ตั้งสัตตบุตร | คงเสียงแซ่ |
แซ่อึ้ง (黄) | เหลืองรัตนา, เหลืองอังกูร | คงความหมายแซ่ |
แซ่เบ๊ (马) | ศิลปอาชา, อัศวจิตต์ภักดี | คงความหมายแซ่ |
แซ่เจี๋ย (谢) | เจียรวนนท์ | คงเสียงแซ่ |
แซ่เตีย (张) | เตียรวัฒน์ | คงเสียงแซ่ |
แซ่โง้ว (吴) | โง้วสุรัตน์ | คงเสียงแซ่ |
ข้อสังเกตน่าสนใจ
- นามสกุลไทยจำนวนมากของคนเชื้อสายจีนสามารถสืบโยงกลับไปยังแซ่ดั้งเดิมได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการคงเสียงหรือความหมายไว้
- การตั้งนามสกุลแบบคงแซ่ มักวางชื่อแซ่ไว้ต้นนามสกุล เช่น “ลิ้ม-”, “ตั้ง-”, “เจียร-” เป็นต้น
- อย่างไรก็ตาม ยังมีนามสกุลอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถสืบโยงกับแซ่เดิมได้เลย เนื่องจากตั้งขึ้นใหม่โดยไม่มีความเกี่ยวข้องทางเสียงหรือความหมาย
สรุป
การเปลี่ยนแปลงจาก แซ่จีนสู่การใช้นามสกุลไทย สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของคนไทยเชื้อสายจีนในอดีต เพื่อให้สอดคล้องกับสังคมไทย ขณะเดียวกันก็ยังคงรากเหง้าของบรรพบุรุษไว้ในชื่อเสียงเรียงนาม แม้จะมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยในยุคนั้น