เชฟราชสำนัก เปิดเมนูที่ "ควีนเอลิซาเบธที่ 2" เสวยประจำ เคล็ดลับช่วยให้พระพลานามัยแข็งแรง มีผัก 1 ชนิดหนึ่งที่ทรงโปรด
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร โดยเสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ปี 1952 และทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐมายาวนานกว่า 70 ปี ก่อนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2022 สิริพระชนมพรรษา 96 พรรษา พระองค์ทรงเป็นที่จดจำในฐานะผู้นำที่มั่นคง มีความรับผิดชอบ และไม่เคยละเลยหน้าที่สาธารณะ
แม้พันธุกรรมจะมีส่วนในการที่พระองค์ทรงมีอายุยืนยาว แต่ปัจจัยสำคัญยังรวมถึงการดำเนินชีวิตที่มีวินัย ใส่ใจสุขภาพ และมีทัศนคติเชิงบวก ควีนเอลิซาเบธทรงมีตารางชีวิตที่เป็นระบบ ทรงรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เน้นไขมันและน้ำตาลต่ำ พร้อมกับการดูแลสุขภาพจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด
ว่ากันว่าทางเลือกด้านอาหารกลางวันของพระองค์มีส่วนช่วยให้พระวรกายเปล่งปลั่งและแข็งแรงแม้ในวัย 90 กว่า เพราะยังทรงปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชนอย่างสม่ำเสมอ
AFPสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
“ผัก” ที่ควีนทรงโปรด
ดาเรน แมคเกรดี อดีตเชฟประจำราชสำนัก เปิดเผยว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นผู้ที่ "กินเพื่ออยู่" มากกว่า "อยู่เพื่อกิน" พระองค์จึงเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพเสมอ โดยเฉพาะ “ผักโขม” (Spinach) ซึ่งเป็นผักใบเขียวที่ทรงโปรดมาอย่างยาวนาน
พระองค์มักเสวยผักโขมร่วมกับปลาไขมันต่ำในมื้อกลางวัน ซึ่งให้ทั้งโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
หนึ่งในเมนูประจำของพระองค์คือ “ปลาโดเวอร์โซล์ย่าง” เสิร์ฟบนผักโขมลวกหรือซูกินี
ผักโขม
“ถ้าเรามีเมนูใหม่ สมเด็จพระราชินีจะต้องดูสูตรทั้งหมดก่อนถึงจะตกลงให้ลอง ส่วนใหญ่แล้วพระองค์จะเลือกเมนูเดิม ๆ เป็นประจำในแต่ละสัปดาห์”
ดาร์เรนยังเล่าว่า ในช่วงที่ทำงานที่พระราชวังเคนซิงตันเป็นเวลา 4 ปี พระองค์โปรดเนื้อสเต็กฟิเลต์ราดซอสเห็ดผสมวิสกี้ในมื้อค่ำ โดยเฉพาะเมื่อนำไปจับคู่กับเนื้อกวาง ส่วนเมนูปลากะพงโดเวอร์ย่างกับผักโขมลวกที่เสวยในมื้อกลางวันนั้น เป็นเมนูไขมันต่ำ โปรตีนสูง และอุดมด้วยวิตามิน D และ B-12 ดาร์เรนยังเผยผ่านเว็บไซต์ของเขาว่า “สมเด็จพระราชินีทรงโปรดมันฝรั่งลูกเล็กและผักโขมเสวยคู่กับปลา”
ประโยชน์ของผักโขม
BBC เคยจัดอันดับ 100 อาหารเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดในโลก โดยให้ “ผักโขมแช่แข็ง” อยู่ในอันดับที่ 24
ผักโขมมีสารอาหารอย่างแมกนีเซียม โฟเลต วิตามิน A เบตาแคโรทีน และซีแซนทีน ซึ่งยังคงอยู่ได้ดีแม้ผ่านการแช่แข็ง Surrey Live รายงานว่า ผักโขมยังอุดมด้วยวิตามิน K ซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพกระดูกและการแข็งตัวของเลือด รวมถึงวิตามิน A ที่สำคัญต่อการมองเห็นและภูมิคุ้มกัน
ตรงกันข้ามกับความเชื่อทั่วไป ผักโขมสดอาจไม่ได้ดีที่สุดเสมอไป เพราะสารอาหารอาจสูญเสียไประหว่างการขนส่งและเก็บรักษา งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐเพนซิลเวเนียพบว่า ผักโขมสามารถสูญเสียวิตามิน C ได้ถึง 75% ภายในหนึ่งสัปดาห์ การแช่แข็งหลังเก็บเกี่ยวทันทีจึงเป็นวิธีที่ช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการ
ศ.ทิม สเปกเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมระบาดวิทยาจาก King’s College London และผู้ร่วมก่อตั้งแอปสุขภาพ Zoe กล่าวในอินสตาแกรมของเขาว่า “อย่าคิดว่าของสดดีที่สุดเสมอไป อย่าดูถูกอาหารแช่แข็งหรืออาหารกระป๋อง เพราะบางครั้งมันก็ช่วยชีวิตได้เลยทีเดียว”
“ตัวอย่างเช่น ผักโขมแช่แข็ง ซึ่งกระบวนการแช่แข็งช่วยคงสารอาหารไว้ได้อย่างสมบูรณ์ คุณจะไม่ได้สารอาหารน้อยกว่าผักสดเลย”
ผักโขมแช่แข็ง
Martha Stewart ยังแนะนำว่า ผักโขมแช่แข็งสามารถละลายข้ามคืนหรือใส่ลงในอาหารต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น พาสต้า แกง หรือไข่เจียว รสชาติอ่อนและคุณค่าทางโภชนาการที่อุดมไปด้วยวิตามินยังทำให้ผักโขมเหมาะสำหรับใส่ในสมูทตี้ด้วย
นอกจากนี้ ผักโขมแช่แข็งยังมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าผักสด ประหยัดกว่า และเก็บได้นานกว่า โดยเพียงใช้ผักโขมแช่แข็งเป็นก้อนเล็ก ๆ ก็สามารถใส่ในอาหารอย่างไข่ฟริตตาต้าหรือพายคีชได้
ส่วน ปลาโดเวอร์โซล์ย่าง นั้นเป็นปลาน้ำเค็มที่มีสารอาหารแน่น เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และโอเมก้า-3 นักโภชนาการผู้เชี่ยวชาญ Dominique Ludwig ระบุว่า ไขมันโอเมก้า-3 จากปลานั้นสำคัญต่อการดูแลสมองและหัวใจ
โดยเฉพาะปลาโดเวอร์โซล์ได้รับการยกย่องจากเว็บไซต์ Nutrition And You ว่าเป็นปลาน้ำเค็มที่ให้พลังงานต่ำที่สุดชนิดหนึ่ง แต่เป็นแหล่งโอเมก้า-3 ชั้นยอด งานวิจัยจาก Cornell University และ New York Sea Grant Extension Program ยังชี้ว่า กรดไขมันจำเป็นช่วยลดความดันโลหิต อัตราการเต้นหัวใจ และความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
นอกจากนี้ ผลการศึกษา GISSI Prevention Trial ยังพบว่า การรับประทานกรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวาย อัมพฤกษ์ หรือเสียชีวิตเฉียบพลันในผู้ใหญ่ได้อย่างมีนัยสำคัญ