อัลปราโซแลม คืออะไร? ใช้อย่างไรในทางการแพทย์ ทำไมถูกเรียกว่ายาเสียสาวหรือยาเสียตัว
กลายเป็นข่าวสะเทือนวงการการแพทย์ หลังจากเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นแฟลตตำรวจแห่งหนึ่งในย่านอารีย์ และพบยาหลายรายการที่จัดอยู่ในประเภทวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 2 และประเภทที่ 4 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
การตรวจค้นครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจพบความผิดปกติในการสั่งจ่าย ยาอัลปราโซแลม (Alprazolam) ซึ่งเป็นยาที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด และมักถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะในรูปแบบที่มักเรียกกันว่า “ยาเสียสาว” หรือ “ยาเสียตัว”
จากการสืบสวนเพิ่มเติม พบว่ามีการแอบอ้างชื่อคลินิกถึง 11 แห่งในการจัดซื้อยาอัลปราโซแลม โดยมีเงินหมุนเวียนในระบบสูงกว่า 80 ล้านบาท และพบว่าเป็นการสั่งและจ่ายยาโดยบุคคลเพียงคนเดียว คือ พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หมอแอร์”
เหตุการณ์นี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังคงเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง
อัลปราโซแลม คืออะไร?
อัลปราโซแลม (Alprazolam) เป็นยากลุ่มเบนโซไดอาซีพีน (Benzodiazepine) ซึ่งออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางของสมอง มีฤทธิ์เร็วและอยู่ในร่างกายช่วงเวลาปานกลาง ยานี้มีชื่อทางการค้าหลายชื่อ เช่น Xanax, Zolam และ Xanor เป็นต้น
ใช้รักษาภาวะทางจิตเวชที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและความวิตกกังวล โดยออกฤทธิ์คลายความวิตกกังวล ทำให้นอนหลับง่ายขึ้น และลดอาการตื่นตระหนก นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อลาย ต้านอาการชัก และทำให้สูญเสียความทรงจำชั่วคราว
ใช้อย่างไรในทางการแพทย์?
แพทย์จะสั่งจ่ายอัลปราโซแลมในผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวช เช่น
-
อาการวิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder)
-
อาการตื่นตระหนก (Panic Disorder)
-
อาการนอนไม่หลับในระยะสั้น
-
ภาวะเครียดจากการถอนยาบางประเภท
ยาออกฤทธิ์ภายในประมาณ 20–60 นาทีหลังรับประทาน และฤทธิ์ของยาจะอยู่ได้นานราว 6–12 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดยาและการตอบสนองของร่างกาย
ขนาดการใช้โดยทั่วไป
-
เริ่มต้น: 0.25–0.5 มิลลิกรัม วันละ 2–3 ครั้ง
-
ขนาดสูงสุดต่อวันไม่ควรเกิน 4 มิลลิกรัม
-
แพทย์จะปรับขนาดยาตามอาการและการตอบสนองของแต่ละคน
ทำไมถูกเรียกว่า “ยาเสียสาว”?
อัลปราโซแลมถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการนำไปผสมในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อวัตถุประสงค์ในการล่วงละเมิดทางเพศ เพราะ:
-
ยานี้ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า
-
เมื่อผสมกับแอลกอฮอล์ จะเพิ่มฤทธิ์กดประสาท ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกง่วง มึนงง สูญเสียการทรงตัว
-
อาจทำให้เกิดภาวะสูญเสียความทรงจำชั่วขณะ ผู้ถูกกระทำจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้
จึงมีผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ก่ออาชญากรรม ทำให้ชื่อเสียงของยาเสียหายและถูกเรียกในสื่อหรือสังคมว่า “ยาเสียตัว” หรือ “ยาเสียสาว”
อันตรายจากการใช้ผิดวิธี
การใช้ยาอัลปราโซแลมโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ หรือใช้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ควบคุม อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่น
-
การติดยา ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
-
หากหยุดยาอย่างกะทันหัน อาจเกิดอาการถอนยา ได้แก่ คลื่นไส้ หงุดหงิด สั่น หัวใจเต้นเร็ว ซึมเศร้า หรือรุนแรงถึงขั้นชัก
-
เกิดภาวะความจำเสื่อม พฤติกรรมผิดปกติ และประสาทหลอน
-
เสี่ยงต่อการเสียชีวิตหากใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดอื่นที่มีฤทธิ์กดประสาท
-
หากใช้ร่วมกับยาบางกลุ่ม เช่น ยาคุมกำเนิด ยากดประสาท ยาต้านฮิสตามีน หรือยากระเพาะ เช่น cimetidine อาจทำให้ระดับยาในเลือดสูงขึ้นเกินควบคุม
ข้อควรระวัง
-
ห้ามใช้ยานี้หากไม่ได้รับการสั่งจ่ายโดยแพทย์
-
ห้ามใช้ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
ห้ามขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรหลังรับประทานยา
-
ผู้ป่วยที่มีโรคตับ โรคไต โรคทางเดินหายใจ หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
-
ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
-
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ประสาทหลอน กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือพฤติกรรมแปลกไป ให้หยุดยาและรีบพบแพทย์
สถานะทางกฎหมาย
ปัจจุบันอัลปราโซแลมถูกจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 2 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งหมายความว่า:
-
ห้ามจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
-
ห้ามครอบครองหรือใช้โดยไม่มีใบสั่งจากแพทย์
-
ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
การควบคุมเข้มงวดนี้เป็นไปเพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้ที่ต้องการนำไปใช้เพื่อก่ออาชญากรรม
ตรวจพบฟลูอัลปราโซแลม (Flualprazolam) ครั้งแรกในไทย
ในปี 2566 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจพบสารฟลูอัลปราโซแลม (Flualprazolam) เป็นครั้งแรกในประเทศไทยจากของกลางยาเม็ดปลอมชื่อ Erimin 5 ซึ่งเดิมเคยมีตัวยาไนเมตาซีแพมที่ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยพบว่ามีการปลอมแปลง Erimin 5 โดยผสมสารออกฤทธิ์อื่น ๆ เช่น Flualprazolam เพื่อเลี่ยงข้อกฎหมาย
ฟลูอัลปราโซแลมเป็นยากลุ่มเบนโซไดอะซีปีนที่ไม่มีการใช้ทางการแพทย์และจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 1 มีฤทธิ์กล่อมประสาท ออกฤทธิ์เร็ว (10–30 นาที) และอยู่ได้นานถึง 6–14 ชั่วโมง
ฟลูอัลปราโซแลม เสี่ยงต่อการใช้ในทางที่ผิดหรือก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะการแอบผสมในเครื่องดื่มเนื่องจากไม่มีสีและไม่มีกลิ่น ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต หน่วยงานรัฐจึงออกมาเตือนประชาชนให้ระวังและติดตามควบคุมการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด ฟลูอัลปราโซแลม