อินฟลูฯ สาววัย 32 ป่วยสโตรก ลิ่มเลือดอุดตันสมอง หลังถ่ายคอนเทนต์แล้วทำ "ท่านี้"

7 hours ago 1
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

หมอเจดให้ความรู้ เคสอินฟลูฯ ป่วยสโตรก ลิ่มเลือดอุดตันสมอง หลังถ่ายคอนเทนต์แล้วทำท่านี้ซ้ำๆ โชคดีถึงมือหมอทัน "เวลาทอง"

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 อินฟลูเอนเซอร์ผู้ใช้ TikTok ชื่อ birdieparva หรือ คุณเบอร์ดี้ ออกมาเล่าประสบการณ์ไม่คาดคิด โดยระบุว่า เพิ่งเผชิญภาวะเส้นเลือดสมองตีบ (Stroke) ทั้งที่อายุเพียง 32 ปี และไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน

ต้นเหตุเกิดจากการใส่รองเท้าส้นสูงและมีการก้มๆ เงยๆ แหงนคอซ้ำๆ ถึง 17 ครั้ง ระหว่างถ่ายคอนเทนต์ ทำให้ผนังหลอดเลือดที่คอฉีก เกิดลิ่มเลือดอุดตันสมอง อาการเริ่มต้นคือ หูอื้อ เหมือนจะเป็นลม ปวดหัวข้างขวาอย่างรุนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด มือและเท้าไม่มีแรง จนต้องหามส่งโรงพยาบาลทันที ก่อนไปจบที่ห้องไอซียู

แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น Stroke จากผลสแกนพบว่า เส้นเลือดสมองตีบเกือบครึ่งซีก เซลล์สมองเสียหาย 20% มีปัญหาการพูดและออกเสียง โดยแพทย์ให้ยาสลายลิ่มเลือดแต่ไม่เป็นผล เพราะร่างกายขาดสมดุลจากการดื่มน้ำน้อย พักผ่อนน้อย เครียดสะสม สุดท้ายต้องเข้าผ่าตัดคีบลิ่มเลือดออกจากสมอง ผลออกมาดี ร่างกายกลับมามีแรงใช้ได้ทั้งสองข้าง ซึ่งถือเป็นเคสที่โชคดี 1 ในแสน

เจ้าตัวเล่าว่าต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลราว 2 สัปดาห์ พร้อมทำกายภาพและฝึกสมองทุกวัน โดยระบุว่าผลข้างเคียงหลังป่วยคือ อารมณ์หงุดหงิดง่าย หน้าตึงเครียดตลอดเวลา

ปัจจุบันกลับมาพักฟื้นที่บ้านต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี เพื่อให้สมองฟื้นตัวเต็มที่ พร้อมปรับพฤติกรรมทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และการจัดการอารมณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เธอหายป่วยสามารถกลับมาเป็นปกติได้ คือคนใกล้ตัวที่มีสติและไหวพริบดี สังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ และรีบนำส่งโรงพยาบาลในช่วง "เวลาทอง" ภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังมีอาการ ทำให้รักษาได้ทันท่วงที

 

หมอเจดให้ความรู้และเตือนภัย

หมอเจด หรือ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเคสนี้ไว้ว่า

หญิงสาววัย 32 ปี ที่ไม่มีโรคประจำตัว ไม่เป็นเบาหวาน ความดัน หรือไขมันในเลือด แต่กลับประสบภาวะเส้นเลือดสมองตีบ (Stroke) อย่างไม่คาดคิด สาเหตุมาจากการถ่ายคลิป TikTok โดยมีการเงยหน้าและหงายคอซ้ำๆ ประมาณ 17 ครั้ง ขณะถ่ายทำ จากนั้นเธอเริ่มมีอาการเหมือนจะเป็นลม หูอื้อ ฟังเสียงไม่ได้ ปวดหัวข้างขวามาก พูดไม่ออก พูดไม่เป็นคำ จนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลและเข้าห้อง ICU ทันที

หมอเจดอธิบายว่า โรคหลอดเลือดสมองตีบไม่ได้เกิดเฉพาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย หากมีปัจจัยกระตุ้น เช่น การหักคอ เงยหน้าแรงๆ ซ้ำๆ จนอาจทำให้หลอดเลือดบริเวณคอฉีก ส่งผลให้เลือดที่ไหลเวียนกลายเป็นลิ่มเลือด และลิ่มนั้นไปอุดตันที่สมอง เกิดเป็นภาวะ Stroke แบบเฉียบพลัน

แม้ไม่ใช่โรคที่พบได้บ่อย แต่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว เช่น เล่นโยคะผิดท่า ขับรถแล้วหันคอแรงๆ รวมถึงเมื่อร่างกายอ่อนล้า พักผ่อนน้อย ดื่มน้ำน้อย เครียดสะสม หรือเส้นเลือดเปราะอยู่แล้ว

สัญญาณของ Stroke ในคนอายุน้อยอาจเริ่มจากอาการที่ไม่คาดคิด เช่น

  • หูอื้อ เหมือนมีอะไรอุดหู

  • ปวดหัวข้างเดียวรุนแรงแบบเฉียบพลัน

  • พูดไม่ออก หรือพูดแล้วคนฟังไม่เข้าใจ

  • ปากเบี้ยว มุมปากตก กล้ามเนื้อใบหน้าข้างหนึ่งอ่อนแรง

  • แขนขาไม่มีแรง เดินไม่ได้ หรือจับของตก

ข้อแนะนำสำหรับการป้องกัน Stroke ในคนวัยทำงาน ได้แก่

  • หลีกเลี่ยงการหักคอหรือเงยหน้าซ้ำๆ โดยเฉพาะเวลาที่ร่างกายเหนื่อยล้า

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 1.5–2 ลิตร

  • พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนน้อยติดกันหลายวัน

  • ขยับร่างกายสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้นั่งนิ่งๆ นานเกินไป

  • จัดการความเครียดให้ดี เพราะความเครียดเรื้อรังทำให้เลือดหนืด เสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด

  • อย่าหักโหมใช้ร่างกายเกินไปจนร่างกายทรุด

สุดท้าย หมอเจดเน้นย้ำว่า สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่แค่การเสียชีวิตจาก Stroke แต่คือการต้องนอนติดเตียงหรือมีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม หากใครเริ่มมีอาการ เช่น หูอื้อ พูดไม่ออก ปากเบี้ยว ปวดหัวข้างเดียว หรือเดินไม่ได้ อย่ารอให้หายเอง แต่ควรรีบไปโรงพยาบาลให้ทันภายใน 4 ชั่วโมง เพื่อเข้าสู่ช่วงเวลาทองของการรักษา (Golden period)

Read Entire Article