เตือน! ปลา 2 ชนิด ที่ไม่ควรกินบ่อย เสี่ยงสะสม "ยาปฏิชีวนะ" และ "โลหะหนัก" ในร่างกาย

1 week ago 6
❤️ ARTICLE AD BOX ❤️

ปลา 2 ชนิดที่ไม่ควรกินบ่อยๆ เพราะอาจสะสม "ยาปฏิชีวนะ" และ "โลหะหนัก" ในร่างกาย

ปลาถือเป็นเมนูจานโปรดของหลายบ้าน เพราะทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ปลาทุกชนิดที่ควรกินบ่อยๆ เพราะบางชนิดอาจซ่อน “ภัยสุขภาพ” ที่เราไม่รู้ตัว

1. ปลาทะเลขนาดใหญ่

ปลาชั้นดีอย่างปลาทูน่าครีบน้ำเงินหรือปลากระโทงดาบ แม้จะอุดมด้วยโปรตีนและโอเมก้า 3 แต่ก็มักมีสารปรอท (Mercury) สะสมในระดับสูง เพราะอยู่บนยอดห่วงโซ่อาหาร กินปลาตัวเล็กมาหลายชนิด จึงสะสมโลหะหนักไว้ในร่างกาย ยิ่งกินบ่อย ยิ่งเสี่ยง โดยเฉพาะในเด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ อาจกระทบต่อสมองและพัฒนาการของระบบประสาท

2. ปลาน้ำจืดที่โตไวผิดปกติ

ปลาบางชนิดที่ถูกเลี้ยงเพื่อให้โตเร็วและขายได้ในไม่กี่เดือน อาจถูกเร่งโตด้วยยาปฏิชีวนะหรือฮอร์โมน นอกจากนี้ปลาพวกนี้มักอาศัยอยู่ในสภาพน้ำที่ไม่สะอาด เช่น ก้นบ่อโคลน ซึ่งเสี่ยงต่อการปนเปื้อนพยาธิ สารโลหะหนัก และเชื้อโรคต่างๆ

วิธีเลือกปลาปลอดภัย

  • ดูสีปลา: เนื้อปลาควรดูใส ไม่หมองหรือซีด

  • ดมกลิ่น: ถ้ามีกลิ่นฉุนผิดปกติ อาจมีการฟอกด้วยสารเคมี

  • กดเนื้อปลา: ถ้ากดแล้วเด้งกลับ คือปลาสด แต่ถ้ายุบไม่คืน แสดงว่าเนื้อเละ ไม่สด

กินปลาอย่างไรให้ปลอดภัย?

  • แนะนำกินปลา 2–3 มื้อต่อสัปดาห์ โดยแต่ละมื้อไม่เกิน 150 กรัม

  • ควรเลือกกินคู่กับผักที่มีวิตามินซีสูง เช่น บรอกโคลี แครอท เพื่อช่วยขับสารพิษ

  • หลีกเลี่ยงการทอดหรือปิ้งไหม้ เลือกการนึ่งหรือต้มเป็นซุป จะรักษาคุณค่าทางอาหารได้ดีกว่า

ปลาที่แนะนำคือ ปลาตัวเล็ก ปลาน้ำจืดธรรมชาติ เช่น ปลารู้ ปลานิล หรือปลาดุก จากแหล่งเลี้ยงที่เชื่อถือได้ รวมถึงอาหารทะเลอื่นๆ อย่าง กุ้ง หอย ปู ก็เป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยกว่าปลาทะเลตัวใหญ่

อย่าปล่อยให้มื้ออาหารในครอบครัว กลายเป็น “กับดักสุขภาพ” เพียงเพราะเลือกปลาผิด!

 

Read Entire Article