เตือนก่อนกิน "ผักข้างทาง" พืชจากแดนไกลที่คนไทยคุ้นเคย จนคิดว่าเป็นผักท้องถิ่น กินถูกเป็นยา กินผิดเป็นภัย
หลายคนคุ้นเคยกับ “กระถิน” ในจานอาหารไทย ไม่ว่าจะกินกับน้ำพริก ยำหอยนางรม หรือโรยหน้าในส้มตำ แต่รู้หรือไม่ว่า กระถินไม่ใช่พืชพื้นเมืองของไทย!?
กระถิน : ผักริมรั้วมากคุณค่า แต่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในไทย
มีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย เนื่องจากต้นกระถินเป็นพืชที่ขยายพันธุ์ได้ง่ายจึงพบได้ทั่วไป ปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เช่น รามเกียรติ์, อุณรุท, และ ดาหลัง บ่งบอกถึงความคุ้นเคยและนิยมของพืชชนิดนี้ในวิถีชีวิตคนไทยมายาวนาน โดยต้นกำเนิดของกระถินนั้นอยู่ห่างไกลจากเมืองไทยมาก นั่นคือ แถบอเมริกากลางและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
หลักฐานทางพฤกษศาสตร์ระบุว่า กระถิน (ชื่อวิทยาศาสตร์ Leucaena leucocephala) มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก กัวเตมาลา ฮอนดูรัส และประเทศแถบอเมริกากลาง ก่อนจะถูกชาวสเปนนำไปยังฟิลิปปินส์และแพร่กระจายมาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย
กระถินยักษ์และกระถินบ้าน
กระถินยักษ์และกระถินบ้าน เป็นพืชชนิดเดียวกัน (Leucaena leucocephala) มีความแตกต่างกันเพียงระดับสายพันธุ์ปลูกเท่านั้น ทั่วโลกมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ ปัจจุบันกระถินสายพันธุ์ต่างๆ กระจายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ พบในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก ขึ้นปะปนกันจนยากต่อการแยกสายพันธุ์ พันธุ์กระถินแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่
1. กระถินบ้าน หรือเรียกว่า พันธุ์อะคาพัลโค มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 3-5 เมตร ลำต้นเล็ก แตกกิ่งต่ำ และออกดอกเร็วตั้งแต่อายุ 4-6 เดือน ออกดอกตลอดทั้งปี ฝักมีขนาดค่อนข้างเล็กและสั้น ติดฝักและเมล็ดจำนวนน้อยและโตช้ากว่ากระถินยักษ์ จึงเป็นวัชพืชที่ไม่รุนแรงต่อระบบนิเวศป่าไม้มากเท่ากับกระถินยักษ์ ถูกนำเข้ามาผ่านประเทศฟิลิปปินส์ตั้งแต่สมัยอยุธยา ประมาณ 400 ปีมาแล้ว นิยมปลูกไว้กินยอด
2. กระถินยักษ์มี 2 สายพันธุ์หลัก คือ พันธุ์ซัลวาดอร์ และ พันธุ์เปรู เป็นกระถินที่มีการผสมข้ามสายพันธุ์กันตามธรรมชาติ และพัฒนาสายพันธุ์ต่อมาจนได้พันธุ์ปลูกอีกนับ 100 สายพันธุ์ มีลำต้นสูงใหญ่ทนต่อสภาพแวดล้อมและโรคแมลงได้ดี เป็นไม้ต้นสูง 15-20 เมตร ลำต้นเดี่ยว-แตกกิ่งต่ำ โตเร็ว ขนาดใบย่อยและฝักใหญ่และยาวกว่ากระถินบ้าน ติดฝักดก ออกดอกนานๆ ครั้ง ยอดกินได้แต่รสชาติขมอมฝาดและมีกลิ่นฉุนมากกว่ากระถินบ้าน กระถินยักษ์ทั้ง 2 สายพันธุ์ ถูกนำเข้ามาในไทยประมาณ 50 ปีมาแล้ว ส่วนใหญ่มาจากเกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย โดยใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ ปรับปรุงดิน และปลูกฟื้นฟูป่า
ส่วนต่างๆ ของกระถิน
-
เมล็ด เมล็ดของต้นกระถินถือเป็นยาชั้นดี โดยอุดมไปด้วยฟอสฟอรัสสูงทำให้เสริมสร้างกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ ช่วยขับลมในลำไส้เป็นยารักษาระบบทางเดินอาหาร เมล็ดแก่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
-
ดอก ดอกกระถินมีรสมันช่วยบำรุงตับ และช่วยแก้โรคเกล็ดกระดี่ขึ้นตาได้
-
ฝัก ช่วยแก้อาการท้องร่วง ฝักอ่อนยังสามารถช่วยแก้อาการกระหายน้ำ และช่วยให้เจริญอาหารได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้บำรุงหัวใจได้อีกด้วย
-
ยอดอ่อน ยอดอ่อนของกระถินมีระดับฟอสฟอรัสสูงเช่นเดียวกันกับเมล็ดจึงช่วยเสริมสร้างและบำรุงกระดูก ภายในยอดอ่อนก็ยังมีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้เจริญอาหารยิ่งขึ้น
-
ใบ ใบกระถินนั้นมีเบต้า-แคโรทีนอยู่มาก จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งได้ และช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ใบและเมล็ดช่วยแก้โรคเบาหวาน ความดันโลหิต และช่วยแก้โรคท้องร่วง
สรรพคุณของกระถิน: กินถูกเป็นยา
กระถินเป็นผักพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยสารอาหารและสรรพคุณทางยา ยอดอ่อนกระถิน 100 กรัม ให้พลังงาน 62 แคลอรี พร้อมไฟเบอร์ วิตามินเอ และแคลเซียมสูง
ประโยชน์เด่นของกระถิน ได้แก่:
-
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและควบคุมความดัน
-
บำรุงสายตาและหัวใจ เพราะอุดมด้วยวิตามินเอ
-
มีฟอสฟอรัสสูง เสริมกระดูกให้แข็งแรง
-
แก้อาการเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ และท้องร่วง
โทษของกระถิน: กินผิดอาจเป็นภัย
แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่กระถินก็มีข้อควรระวังในการบริโภคเช่นกัน
-
มีพิวรีนสูง: ผู้ป่วยโรคเกาต์ควรเลี่ยง เพราะอาจกระตุ้นให้กรดยูริกสะสมในร่างกาย
-
สะสมสารซีลีเนียมจากดิน: หากดินมีซีลีเนียมสูง อาจเกิดพิษได้หากบริโภคในปริมาณมากเป็นประจำ
-
มีสารลิวซีนีน (Leucenine): พบมากในใบกระถิน อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์กระเพาะเดี่ยว (เช่น ม้า หรือหมู) แต่ยังไม่มีรายงานผลร้ายแรงในคน