Galaxy Z Flip7 สมาร์ทโฟนจอพับขนาดกะทัดรัดสไตล์ตลับแป้ง ที่ครองใจสายแฟชันและไลฟ์สไตล์มานานกว่า 5 ปี ล่าสุดในงาน Galaxy Unpacked ทาง Samsung ก็ได้เผยโฉมดีไซน์ใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมอัปเกรดฟีเจอร์แบบจัดเต็ม ทั้งด้านดีไซน์ การใช้งาน และฟังก์ชันใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้ดีกว่าเดิม วันนี้ DroidSans จะพาไปส่องกันชัด ๆ ว่าอะไรที่ทำให้ Galaxy Z Flip7 น่าสนใจขนาดที่หลายคนอาจต้อง “ยอมพับใจ” ให้กับรุ่นนี้!

เปรียบเทียบสเปค Galaxy Z Flip6 และ Galaxy Z Flip7
Galaxy Z Flip7 | Galaxy Z Flip6 | ||
จอใน | พาเนล | Dynamic AMOLED 2X | Dynamic AMOLED 2X |
ขนาด | 6.9 นิ้ว | 6.7 นิ้ว | |
ความละเอียด | 2520 x 1080 พิกเซล | 2640 x 1080 พิกเซล | |
ความสว่าง | 2,600 นิต | 2,600 นิต | |
อัตรารีเฟรช | 120Hz | 120Hz | |
จอนอก | พาเนล | Super AMOLED | Super AMOLED |
ขนาด | 4.1 นิ้ว | 3.4 นิ้ว | |
ความละเอียด | 1048 x 948 พิกเซล | 720 x 748 พิกเซล | |
ความสว่าง | 2,600 นิต | 1,600 นิต | |
อัตรารีเฟรช | 60 / 120Hz | 60Hz | |
ประสิทธิภาพ | ชิปเซต | Exynos 2500 | Snapdragon 8 Gen 3 for Galaxy |
หน่วยความจำ | 12GB | 12GB | |
ความจุ | 256GB / 512GB | 256GB / 512GB | |
ระบบปฏิบัติการ | One UI 8 บนพื้นฐาน Android 16 | One UI 7 บนพื้นฐาน Android 15 | |
กล้องหลัง | กล้องหลัก | 50MP (f/1.8) OIS | 50MP (f/1.8) OIS |
กล้องอัลตราไวด์ | 12MP (f/2.2) | 12MP (f/2.2) | |
กล้องเซลฟี่ | กล้องเซลฟี่ | 10MP (f/2.2) | 10MP (f/2.2) |
ระบบเสียง | ลำโพง | สเตอรีโอ | |
การเชื่อมต่อ | เครือข่าย | 5G | |
Wi-Fi | 7 | 6E | |
Bluetooth | 5.4 | 5.3 | |
NFC | มี | มี | |
พอร์ต | USB-C 3.2 Gen 1 | ||
เซนเซอร์ | สแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้าง) | ||
แบตเตอรี่ | ความจุ | 4,300 mAh | 4,000 mAh |
การชาร์จ | ชาร์จผ่านสาย 25W ชาร์จไร้สาย 15W ชาร์จย้อนกลับไร้สาย 4.5W | ชาร์จผ่านสาย 25W ชาร์จไร้สาย 15W ชาร์จย้อนกลับไร้สาย 4.5W | |
ตัวเครื่อง | ความทนทาน | IP48 | IP48 |
ขนาด (เมื่อพับ) | 85.5 x 75.2 x 13.7 มม. | 71.9 x 85.1 x 14.9 มม. | |
ขนาด (เมื่อกาง) | 166.7 x 75.2 x 6.5 มม. | 71.9 x 85.1 x 6.9 มม. | |
น้ำหนัก | 188 กรัม | 187 กรัม |
จอนอกใหญ่เต็มตากว่าเดิม ขยายเป็น 4.1 นิ้ว
แค่เห็นก็สะดุดตา Galaxy Z Flip7 มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในส่วนของ จอด้านนอก (Cover Screen) จากเดิมในรุ่นก่อนหน้า Galaxy Z Flip6 ที่มีขนาด 3.4 นิ้ว ขยับขึ้นมาเป็นจอขนาด 4.1 นิ้วเต็มตา ใช้งานสะดวกยิ่งกว่าเดิม ทำให้ใช้งานผ่านจอนอกโดยไม่ต้องกางเครื่องบ่อยๆ สามารถจัดการแจ้งเตือนหรือใช้งานพื้นฐานได้ครบ พร้อมความสว่างสูงสุดถึง 2,600 นิต และรองรับรีเฟรชเรท 120Hz ให้การแสดงผลที่ลื่นไหลเหมือนจอด้านใน และสว่างสดใสแม้อยู่กลางแจ้ง

และถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะดูคล้ายกับรุ่นก่อนๆ แต่ความจริงแล้ว Galaxy Z Flip7 ได้ปรับอัตราส่วนหน้าจอใหม่ ให้ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนทรง Bar Type มากขึ้น ส่งผลให้หน้าจอด้านในขยายเป็นขนาด 6.9 นิ้ว ในอัตราส่วน 21:9 ดูหนังหรือเล่นแอปได้เต็มตากว่าเดิม ส่วนจอด้านนอกก็ยังคงรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งดูแจ้งเตือน ใช้เป็นหน้าจอพรีวิวสำหรับถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลัง หรือแม้แต่เปิดใช้งานแอปที่ออกแบบมารองรับหน้าจอนี้โดยเฉพาะ



ตัวเครื่องบางลง รอยพับจอน้อยลง
Galaxy Z Flip7 มาพร้อมการปรับปรุงบานพับรุ่นใหม่ Armor FlexHinge ที่ออกแบบให้บางลงและทนทานยิ่งกว่าเดิม ส่งผลให้ตัวเครื่องเมื่อพับหน้าจอมีความหนาลดลงเหลือเพียง 13.77 มม. (จากเดิม 14.9 มม.) และเมื่อกางหน้าจอออกก็มีความบางเพียงแค่ 6.5 มม. (จากเดิม 6.9 มม.)
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะบานพับที่ปรับปรุงมาใหม่นี้ก็ยังช่วยให้ รอยพับบนหน้าจอดูจางลงแบบเห็นได้ชัด เพิ่มความเนียนตา และช่วยลดความรำคาญสายตาระหว่างใช้งาน ให้ประสบการณ์ใช้งานที่สวยงามและลื่นไหลยิ่งขึ้นเมื่อลากนิ้วผ่านจอบริเวณที่เป็นบานพับ และตัวเฟรมเครื่องก็เลือกใช้เป็นวัสดุ Advanced Armor Aluminum ซึ่งแข็งแรงขึ้น 10%


ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Exynos ครั้งแรกของ Z Flip Series
นับจาก Galaxy Z Flip รุ่นแรก ทาง Samsung ได้เลือกใช้ชิปเซ็ต Snapdragon กับ Galaxy Z Flip Series มาโดยตลอด แต่ในปีนี้แตกต่างไปจากเดิมเพราะ Galaxy Z Flip7 เลือกใช้เป็นชิปที่ผลิตด้วยตนเองอย่าง Exynos 2500 ชิปรุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ ชูจุดเด่นในเรื่องของการประมวลผล AI บนอุปกรณ์ (On-device AI) และการเชื่อมต่อที่รวดเร็วกว่าเดิม เพื่อตอบรับกับเทรนด์การใช้ AI ในปี 2025 ที่เติบโตขึ้นอย่างมาก

นับตั้งแต่จอพับรุ่นแรกอย่าง Galaxy Z Flip จนถึง Z Flip6 ทาง Samsung ได้เลือกใช้ชิปเซ็ตของทาง Qualcomm อย่าง Snapdragon มาโดยตลอด แต่ในปีนี้แตกต่างไปจากเดิม Galaxy Z Flip7 ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกหนึ่งอย่าง ด้วยการหันมาใช้ ชิป Exynos 2500 รุ่นล่าสุดที่พัฒนาขึ้นเองแบบ โดยเป็นชิปเซ็ตที่ชูจุดเด่นในเรื่องของ การประมวลผล AI บนอุปกรณ์ (On-device AI) ที่เร็วและฉลาดยิ่งขึ้น รองรับการทำงานของฟีเจอร์ Galaxy AI ได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงการเชื่อมต่อ และประสิทธิภาพที่ลื่นไหลและรวดเร็วกว่า Exynos 2400 ตอบรับเทรนด์การใช้งาน AI ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025
- CPU ประมวลผลเร็วขึ้น 9%
- GPU ทำงานได้ดีกว่าเดิม 23%
- NPU ประมวลผลเร็วกว่าเดิม 22%


นอกเหนือจากพลังประมวลผลที่เร็วแรงยิ่งกว่าเดิมแล้ว Exynos 2500 ยังมาพร้อมกับจุดแข็งอย่างการ ประหยัดพลังงานและการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น ด้วยกระบวนการผลิตระดับ 3nm แบบ Gate-All-Around (GAA) ที่ทันสมัยและบางลงกว่าเดิม พร้อมปรับโครงสร้าง CPU ใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ทั้งการใช้งานทั่วไปและการใช้งาน Performance หนัก ๆ สามารถทำได้แบบลื่นไหลต่อเนื่อง โดยไม่ต้องแลกมากับแบตที่หมดเร็วหรือเครื่องร้อนง่าย
แบตเตอรี่เยอะขึ้น พกไปใช้งานเต็มวันได้แบบสบายใจ
แม้ว่าตัวเครื่องของ Galaxy Z Flip7 จะมีขนาดที่บางลงกว่าเดิม แต่ความจุแบตเตอรี่กลับเพิ่มขึ้น ไม่ได้โดนตัดลดทอนไปแต่อย่างใด จากความจุ 4,000mAh ในรุ่นก่อนหน้า ขยับมาเป็น 4,300mAh ในรุ่นนี้ เมื่อรวมกับ ระบบจัดการพลังงานที่ฉลาดขึ้น และ สถาปัตยกรรมชิป Exynos 2500 ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ทำให้ Galaxy Z Flip7 มี ระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานขึ้นอย่างแบบเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับ Galaxy Z Flip6 ในปีที่แล้ว


ทาง Samsung เคลมว่า แบตเตอรี่รุ่นใหม่บน Galaxy Z Flip7 นี้สามารถใช้ดูวิดีโอต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 31 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่า Galaxy Z Flip6 ถึง 8 ชั่วโมง และมากกว่า Z Flip5 ถึง 11 ชั่วโมง เลยทีเดียว
Galaxy Z Flip7 น่าสนใจมากขนาดไหนจากรุ่นก่อนหน้า
ถ้ามองย้อนกลับไปที่ Galaxy Z Flip6 ก็ต้องบอก ว่ายังเป็นสมาร์ทโฟนจอพับที่ยังสามารถใช้งานได้ดีแบบต่อเนื่อง โดยเฉพาะ สำหรับคนที่ไม่ได้ซีเรียสหรือให้ความสำคัญกับดีไซน์ของหน้าจอภายนอกแบบใหม่ เพราะ Z Flip6 ก็ยังรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ยาวนานถึง 7 ปี พร้อมฟีเจอร์ Galaxy AI ที่ได้รับการอัปเดตควบคู่ไปกับ One UI 8 ในอนาคต เลยทำให้ในจุดนี้สามารถเทียบเคียงกับ Z Flip7 ได้
ถ้าย้อนมองกลับไปที่ Galaxy Z Flip6 ต้องบอกกันตามตรงว่า Z Flip6 ก็ยังคงเป็น สมาร์ทโฟนจอพับที่ยังสามารถใช้งานได้ดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่ ไม่ได้ซีเรียสกับดีไซน์หน้าจอด้านนอกแบบใหม่ เพราะแม้ตัวจอจะไม่ได้ใหญ่เท่ารุ่นใหม่ แต่ Z Flip6 ก็ยังมีแต้มที่เสมอกันคือ รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ยาวนานถึง 7 ปี พร้อมรองรับการใช้งานฟีเจอร์ Galaxy AI ผ่าน One UI 8 ที่จะมาพร้อมกับการอัปเดต One UI 8 ในอนาคตด้วยเช่นกัน
ส่วนชิปเซ็ตอย่าง Snapdragon 8 Gen 3 ที่เป็นหัวใจสำคัญของ Galaxy Z Flip6 ก็ยังนับเป็นเจ้าแห่งความทรงพลังในปี 2025 ที่สามารถใช้งาน Performance ระดับสูงได้เป็นอย่างดีเช่นเดิม ส่วนชุดกล้องหลังก็มีความละเอียด 50MP และอัลตราไวด์ 12MP เหมือนกัน ทำให้ Galaxy Z Flip6 ยังเป็นสมาร์ทโฟนจอพับที่มีศักยภาพมากพอในการถือใช้งานต่อไปได้อีกเรื่อยๆ แล้วจะรอการมาถึงของ Galaxy Z Flip8 อีกทีก็ถือว่าไม่แย่ครับ

แต่หากเป็นคนที่ยังถือ Galaxy Z Flip5 หรือรุ่นที่เก่ากว่านั้นลงไป การขยับขึ้นมาเป็น Galaxy Z Flip7 ก็จะเห็นได้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจนมากขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น ความละเอียดของกล้องหลังที่ยังเป็น 12MP กับหน่วยความจำ (RAM) ขนาด 8GB ที่อาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดไปหน่อย เมื่อมาใช้งานในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับฟีเจอร์ AI ต่างๆ ที่ต้องการฮาร์ดแวร์ซึ่งเอื้อต่อการประมวลผลขั้นสุด
โดยเฉพาะกับภาพรวมงานดีไซน์ของ Galaxy Z Flip7 ที่ในปีนี้ ได้ปรับขนาดหน้าจอแสดงผลด้านนอกให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม วัสดุและบานพับที่แข็งแรงกว่าเก่า และตัวเลือกสีแบบใหม่ทั้งสามสีที่ถือใช้งานยังไงก็ดูไม่เก่าหรือตกยุค Galaxy Z Flip7 จึงนับเป็นรุ่นที่น่าสนใจอย่างมาก สำหรับคนที่ใช้รุ่นเก่ากว่า Flip6 และอยากอัปเกรดมาสู่ประสบการณ์จอพับที่ลื่นไหล สเปคสดใหม่ พร้อมรองรับการใช้งาน AI ได้เต็มที่ เชื่อว่าถ้าได้สัมผัสตัวเครื่องจริง ก็น่าจะยอมพับกันได้ไม่ยากครับ
สำหรับใครที่อยากรู้จัก Galaxy Z Flip7 ให้มากกว่านี้ ทั้งในแง่ของการใช้งานจริง ฟีเจอร์ใหม่ และประสบการณ์หลังลองใช้ ทาง DroidSans ก็มีรีวิวฉบับเต็มให้ได้อ่านกันเป็นที่เรียบร้อย สามารถเข้าไปตามอ่านกันได้เลยครับ!
