เปิด 5 เหตุผล ทำไมไม่ต้อง "สระผม" ทุกวัน แต่มีเส้นผม 1 ประเภท ที่ควรสระผมทุกวัน

ยิ่งสระผมทุกวัน ยิ่งมันกว่าเดิม? ผู้เชี่ยวชาญแนะวิธีปรับความถี่ในการสระผม เพื่อฟื้นคืนผมสวยสุขภาพดีให้ตัวเอง

แม้การสระผมจะทำให้รู้สึกสะอาดสดชื่น แต่การสระผมบ่อยเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ผมแห้ง แตกปลาย หนังศีรษะระคายเคือง หรือแม้แต่ผมร่วง

เว็บไซต์ต่างประเทศ Bright Side ได้รวบรวมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญว่า แม้ความสะอาดจะสำคัญ แต่เราควรรักษาสมดุลระหว่าง “การชำระล้าง” กับ “การคงไว้ซึ่งน้ำมันธรรมชาติของหนังศีรษะ”

เปิด 5 เหตุผลที่จะอธิบายว่าทำไมไม่จำเป็นต้องสระผมทุกวัน พร้อมแนะนำวิธีดูแลเส้นผมให้เหมาะกับตัวเองอย่างปลอดภัยและยั่งยืน 

1. สระผมบ่อยเกินไป ทำให้น้ำมันธรรมชาติบนหนังศีรษะถูกชะล้างออกหมด

หนังศีรษะของเราจะผลิตน้ำมันตามธรรมชาติที่เรียกว่า "ซีบัม" (Sebum) ซึ่งมีหน้าที่ช่วยให้เส้นผมชุ่มชื้น เงางาม และแข็งแรง แต่หากคุณใช้แชมพูที่มีฤทธิ์แรงและสระผมบ่อยเกินไป ซีบัมเหล่านี้จะถูกล้างออกมากเกินไป ส่งผลให้ผมแห้ง ชี้ฟู อ่อนแอ และขาดง่าย

2. สระผมบ่อยเกินไป ทำลายสมดุลจุลชีพบนหนังศีรษะ กระทบต่อสุขภาพผม

หนังศีรษะของเราก็เหมือนผิวหนัง มี “ระบบนิเวศจุลชีพ” เป็นของตัวเอง ซึ่งประกอบด้วยแบคทีเรียทั้งที่ดีและไม่ดี การรักษาสมดุลของจุลชีพเหล่านี้จะช่วยปกป้องหนังศีรษะและเส้นผมให้แข็งแรง

แต่หากคุณสระผมบ่อยเกินไป ความสมดุลนี้จะถูกรบกวน ทำให้เกราะป้องกันตามธรรมชาติของหนังศีรษะอ่อนแอลง จนเกิดปัญหาอย่างรังแค กลิ่นไม่พึงประสงค์ อาการคัน หรือแม้กระทั่งผมร่วงตามมา

3. เปลี่ยนสมดุลกรด-ด่าง (pH) ของหนังศีรษะ

โดยธรรมชาติแล้ว หนังศีรษะที่สุขภาพดีจะมีค่าความเป็นกรดเล็กน้อย ซึ่งช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา

แต่หากคุณใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟตหรือสารเคมีรุนแรงบ่อยครั้ง ก็อาจทำให้ค่า pH ของหนังศีรษะเสียสมดุล ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติอ่อนแอลง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น

4. ยิ่งสระ ยิ่งมัน? นี่คือกลไกป้องกันตัวเองของหนังศีรษะ

ฟังดูอาจขัดกับความรู้สึก แต่การสระผมบ่อยเกินไปสามารถทำให้หนังศีรษะมันมากขึ้นได้จริง ๆ เพราะเมื่อความมันธรรมชาติถูกชะล้างออก หนังศีรษะจะตอบสนองด้วยการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิมเพื่อชดเชย

ผลที่ตามมาคือเข้าสู่วงจร “ยิ่งสระยิ่งมัน ยิ่งมันยิ่งต้องสระ” โดยเฉพาะกับคนที่มีผมมันอยู่แล้วจะยิ่งเห็นผลชัด

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ค่อย ๆ เพิ่มระยะห่างระหว่างการสระผม เพื่อให้หนังศีรษะได้ปรับสมดุลด้วยตัวเอง แล้วจะค่อย ๆ ลดการผลิตน้ำมันลงอย่างเป็นธรรมชาติ

5. น้ำมันธรรมชาติช่วยให้ผมเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากให้ความชุ่มชื้นแล้ว น้ำมันธรรมชาติยังช่วยเคลือบเส้นผมให้ดูเงางามอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย แต่หากคุณสระผมทุกวันจนชะล้างน้ำมันเหล่านี้หมด ผมก็จะค่อย ๆ หมอง แห้ง และขาดชีวิตชีวา

แม้ว่าหลังสระจะรู้สึกสดชื่น แต่หากทำเป็นประจำในระยะยาว อาจทำให้เส้นผมสูญเสียความเงางามและสุขภาพที่ดีไปโดยไม่รู้ตัว

การปรับความถี่ในการสระผมให้เหมาะกับสภาพเส้นผม คือกุญแจสำคัญของการดูแลผมอย่างถูกวิธี

Beyzanur K.

เพราะเส้นผมแต่ละประเภทมีความต้องการที่ต่างกัน ดังนี้

• ผมเส้นเล็กและบาง – น้ำมันจากหนังศีรษะสามารถซึมลงสู่เส้นผมได้ง่าย ทำให้ผมมันเร็ว ควรสระผมทุกวันหรือวันเว้นวัน เพื่อให้ผมดูสะอาดและมีวอลุ่ม

• ผมหนาและแข็ง – มีความสามารถในการเก็บความชุ่มชื้นได้ดี จึงไม่จำเป็นต้องสระบ่อย แนะนำให้สระทุก 3–4 วัน หรือสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พร้อมใช้แชมพูและครีมนวดที่ช่วยบำรุงเป็นพิเศษ

• ผมหยิก / ผมหยักศกตามธรรมชาติ – น้ำมันธรรมชาติเข้าถึงปลายผมได้ยาก ผมจึงแห้งง่าย ควรสระสัปดาห์ละครั้งหรือน้อยกว่านั้น เพื่อคงความชุ่มชื้นและลอนผมที่ดูมีสุขภาพดี

• ผมทำสี / ดัด / ยืด – การสระบ่อยจะทำให้สีผมหลุดเร็ว และผมแห้งเสียง่าย ควรสระทุก 3–5 วัน และเลือกใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ

ไม่อยากสระผมทุกวัน? ลองวิธีเหล่านี้แทนได้เลย

• ดรายแชมพู (Dry Shampoo) – ช่วยดูดซับความมันส่วนเกินได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผมดูสะอาดและสดชื่นโดยไม่ต้องเปียกน้ำ

• Co-washing (การสระผมด้วยครีมนวด) – ใช้ครีมนวดแทนแชมพู ช่วยทำความสะอาดเส้นผมอย่างอ่อนโยน พร้อมคงความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผมแห้งหรือผมหยิก

• ล้างผมด้วยน้ำเปล่า – วิธี “ไม่ใช้แชมพู” กำลังได้รับความนิยม เพราะช่วยรักษาน้ำมันธรรมชาติไว้เพื่อปกป้องและบำรุงผม แต่ควรระวังเรื่องระยะเวลา หากนานเกินไปอาจเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและความมัน จนส่งผลเสียต่อสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้