เปิดชีวิต หญิงผู้เกิดมามีขา 4 ข้าง โตมาเป็นดาวคณะละครสัตว์ ก่อนพบรักแท้กับนายแพทย์ แตกต่างแต่มีความสุข
วันที่ 12 พฤษภาคม ปี 1868 ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา โจเซฟิน เมอร์เทิล คอร์บิน ได้ถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางความตกตะลึงของครอบครัวและทีมแพทย์ เพราะเธอเกิดมาพร้อมขา 4 ข้าง ในบรรดาลูก 8 คนของคุณพ่อ William และคุณแม่ Nancy Corbin มีเพียง Myrtle คนเดียวเท่านั้นที่มีความผิดปกติเช่นนี้ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตอันน่าทึ่งของเธอ
ในตอนแรก แพทย์คิดว่า เมอร์เทิล เป็นฝาแฝดตัวติดกัน แต่หลังจากวินิจฉัยอย่างละเอียดก็พบว่าเธอเป็นผู้ป่วย โรค Dipygus หรือที่เรียกว่า แฝดปรสิต ซึ่งเป็นความผิดปกติที่พบได้น้อยมาก แฝดปรสิต Dipygus คือแฝดที่ใช้อวัยวะภายในร่วมกัน แต่มีแขนหรือขาที่พัฒนาไม่สมบูรณ์ อยู่ติดกับช่วงเชิงกรานหรือกระดูกสันหลังตอนล่าง และไม่สามารถขยับตัวได้ แฝดชนิดนี้ไม่มีสมองและหัวใจเป็นของตัวเอง โดยจะมีการแยกร่างตั้งแต่ช่วงล่างของกระดูกสันหลังลงไป ทำให้เธอมีระบบสืบพันธุ์ 2 ชุด ลำไส้ตรง 2 ชุด และทั้งสองฝั่งของร่างกายทำงานแยกจากกัน เช่น เคยมีครั้งหนึ่งที่ฝั่งหนึ่งท้องผูก ในขณะที่อีกฝั่งถ่ายปกติ
ขาคู่กลางของเมอร์เทิล มีขนาดเล็ก อ่อนแรง และมีเพียง 3 นิ้ว ไม่สามารถใช้เดินได้ ส่วนขาคู่นอกนั้นแข็งแรงพอให้เดินได้ตามปกติ แม้จะต้องสั่งตัดกระโปรงพิเศษเพื่อปกปิดขาเพิ่มเติม แต่เธอก็เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความแตกต่างนี้อย่างภูมิใจ ไม่เคยอายหรือหลบซ่อน
หญิงสาวผู้มีขา 4 ข้าง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เมื่ออายุ 13 ปี เมอร์เทิล เริ่มปรากฏตัวในงานแสดงท้องถิ่นภายใต้ชื่อ "หญิงสาวสี่ขาจากเท็กซัส" ตอนแรกเธอได้รายได้เพียงเล็กน้อยจากผู้ชมที่อยากรู้อยากเห็น แต่รูปลักษณ์ที่น่ารักและบุคลิกสุภาพอ่อนโยนของเธอทำให้เธอกลายเป็นดาวเด่นอย่างรวดเร็ว พ่อของเธอถึงขั้นพิมพ์ใบปลิวโฆษณา ว่าเธอคือ "แสงแดดของฤดูร้อน"
ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด เมอร์เทิล มีรายได้ถึง 450 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ซึ่งนับว่าสูงมากในยุคนั้น เธอเซ็นสัญญากับเจ้าพ่อคณะละครสัตว์ชื่อดัง P.T. Barnum และกลายเป็นดาราที่มีค่าตัวสูงที่สุดในยุค ทำให้หนุ่ม ๆ มากมายตกหลุมรัก แม้จะรู้ว่าเธอมีร่างกายที่ไม่เหมือนใคร
เมื่ออายุ 18 ปี ท่ามกลางชื่อเสียงและแสงไฟ เมอร์เทิล เลือกจะถอนตัวจากเวที ด้วยเหตุผลเดียวคือความรัก เธอพบกับนายแพทย์ เจมส์ คลินตัน บิคเนลล์ ผู้ที่ไม่เพียงตกหลุมรักเธอ แต่ยังยอมรับทุกความแตกต่างของเธอ
ทั้งสองแต่งงานกันเมื่อเมอร์เทิล อายุ 19 ปี แม้แพทย์เคยเตือนว่าเธอไม่ควรตั้งครรภ์เพราะโครงสร้างร่างกายซับซ้อนเกินไป แต่เธอก็ยืนยันที่จะเป็นแม่ ในปี ค.ศ. 1887 หลังจากที่เมอร์เทิลและเจมส์แต่งงานกันได้ราวปีเศษ เมอร์เทิลตั้งท้องลูกคนแรก เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจมากสำหรับวงการแพทย์ในยุคนั้น ดร.เลวิส วัลลีย์ จากรัฐแอละแบมา ถูกส่งตัวมาเพื่อดูแลสุขภาพของเมอร์เทิลขณะตั้งครรภ์ หลังเธอมีไข้ เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ และเจ็บร่างกายฝั่งซ้ายมาก ระหว่างการรักษาและศึกษาร่างกายของเมอร์เทิล พวกเขาเรียกแฝดปรสิตของเธอว่า นางสาวบี
เมื่อ ดร.เลวิส ตรวจสอบร่างกายแล้วพบว่า คนที่ตั้งครรภ์ไม่ใช่เมอร์เทิล แต่เป็นนางสาวบีต่างหาก เพราะนางสาวบีเองก็มีอวัยวะสืบพันธุ์อยู่ภายในเช่นกัน เพียงแต่มันกลับด้านเหมือนกับถูกส่องกระจก โดยยังคงระบบสืบพันธุ์เอาไว้อย่างครบถ้วน
การตั้งครรภ์ลูกคนแรกในร่างของนางสาวบีทำให้เมอร์เทิลป่วยหนัก และเธอตัดสินใจทำแท้งใน 8 สัปดาห์ให้หลัง แต่เธอก็ตั้งครรภ์อีกในราว 3-4 เดือนหลังจากนั้น คราวนี้เมอร์เทิลให้กำเนิดทารกน้อยได้สำเร็จ รวมแล้วเมอร์เทิลให้กำเนิดลูกที่แข็งแรงถึง 5 คน ใช้ชีวิตในบทบาทภรรยาและแม่ได้อย่างสมบูรณ์เหมือนผู้หญิงทั่วไป มีข่าวลือว่าลูกของเมอร์เทิลเกิดจากอวัยวะเพศคนละฝั่ง ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ แพทย์ก็ยังไม่สามารถยืนยันหรืออธิบายได้อย่างแน่ชัด
แม้บางครั้งจะกลับไปแสดงบ้างเพื่อหารายได้เสริม แต่ชีวิตหลังแต่งงานของ Myrtle ส่วนใหญ่ผ่านไปอย่างสงบสุขในบ้านหลังเล็กที่รัฐเท็กซัส ท่ามกลางครอบครัวอบอุ่น
วันที่ 6 พฤษภาคม 1928 Josephine เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อ Streptococcal ที่ผิวหนัง ซึ่งในปัจจุบันสามารถรักษาได้ง่าย แต่ในตอนนั้นวิทยาการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้าเพียงพอ หลังจากเสียชีวิต ครอบครัวของเธอต้องเทปูนปิดหลุมศพและเฝ้าระวังหลายวัน เพราะร่างของเธอมีค่ามากในแวดวงการแพทย์และคณะละครสัตว์
เรื่องราวของเธอยังคงถูกกล่าวขาน
กว่า 100 ปีผ่านไป เรื่องราวของหญิงสาว 4 ขายังทำให้โลกต้องอัศจรรย์ใจ ไม่ใช่เพียงเพราะรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดเท่านั้น แต่เพราะวิธีที่เธอมีชีวิต เข้มแข็ง กล้าหาญ และเปลี่ยนความแตกต่างให้กลายเป็นคุณค่า
Josephine Myrtle Corbin คือหลักฐานที่มีชีวิตว่า ความแตกต่างไม่ใช่คำสาป แต่เป็นโอกาสที่จะกลายเป็นคนที่ “ไม่ธรรมดา” อย่างแท้จริง