หลังดูฝั่ง iPhone, iPad และ Apple Watch มาเยอะแล้วเรามาดู macOS ระบบปฏิบัติการคู่บุญของ Apple กันว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงกันบ้างนอกจากชื่อที่หลุดมาตรงกับข่าวลืออย่าง Tahoe และรอบนี้นับใหม่เป็น macOS 26 ไปเลย พร้อมแล้วมาดูกันได้เลย
อะไรใหม่ใน macOS 26 (Tahoe)
1. ยกเครื่องดีไซน์ใหม่ด้วย "Liquid Glass" และการปรับแต่งที่มากขึ้น
macOS Tahoe ได้เปลี่ยนโฉม UI ใหม่ทั้งหมดด้วยดีไซน์ที่เรียกว่า "Liquid Glass" เหมือนกับระบบปฏิบัติการอื่นที่ได้เผยรายละเอียดในก่อนหน้านี้ ซึ่งให้ความรู้สึกโปร่งแสงคล้ายแก้ว ทำให้คอนเทนต์ดูโดดเด่นขึ้นมา โดยมีการปรับปรุงองค์ประกอบสำคัญ เช่น:
- Dock, แถบเครื่องมือ, และแถบด้านข้าง ได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูสะอาดตาและทันสมัย
- แถบเมนู (Menu Bar) กลายเป็นแบบโปร่งใส ทำให้พื้นที่หน้าจอดูเต็มตาและกว้างขึ้น
- เพิ่มการปรับแต่งส่วนบุคคล: ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนสีโฟลเดอร์, เพิ่มสัญลักษณ์หรืออิโมจิ, และเลือกโทนสีใหม่ๆ ให้กับไอคอนแอปและวิดเจ็ตได้แล้ว
2. "Continuity" ที่ล้ำลึก เปลี่ยน Mac ให้เป็นศูนย์กลางของการควบคุม iPhone
ความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ถูกยกระดับไปอีกขั้น:
- แอปโทรศัพท์บน Mac: ตอนนี้คุณสามารถรับสายและโทรออกผ่านสัญญาณเซลลูลาร์ของ iPhone ได้โดยตรงจากบน Mac พร้อมเข้าถึงประวัติการโทร, รายชื่อ, Voicemail และยังใช้ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Call Screening (คัดกรองสาย) และ Hold Assist (แจ้งเตือนเมื่อคู่สายว่าง) ได้ด้วย
- Live Activities บนแถบเมนู: กิจกรรมสดๆ จาก iPhone เช่น สถานะการส่งอาหาร, ข้อมูลเที่ยวบิน หรือผลการแข่งขันกีฬา จะแสดงผลแบบเรียลไทม์บนแถบเมนูของ Mac ทำให้คุณไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวสำคัญมากขึ้น
3. Spotlight ที่ปฏิวัติใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ "ค้นหา" แต่ "สั่งการ" ได้
Spotlight ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่สุด เปลี่ยนจากเครื่องมือค้นหาไฟล์ธรรมดาให้กลายเป็น Action Launcher ที่ทรงพลัง:
- สั่งการได้โดยตรง: คุณสามารถสั่งงานต่างๆ เช่น "ส่งอีเมล", "สร้างโน้ต" หรือ "เล่นพ็อดคาสท์" ได้จากช่องค้นหาของ Spotlight โดยไม่ต้องเปิดแอป
- ทำงานร่วมกับแอปอื่น: นักพัฒนาสามารถใช้ App Intents API เพื่อให้แอปของตนเองรองรับการสั่งการผ่าน Spotlight ได้
- ค้นหาได้ฉลาดขึ้น: ผลการค้นหาจะแสดงข้อมูลทั้งหมดรวมกันและจัดอันดับตามความเกี่ยวข้อง พร้อมตัวกรองใหม่ที่ช่วยให้ค้นหาสิ่งที่ต้องการได้เร็วขึ้น
4. Apple Intelligence เสริมแกร่งให้ Mac
ระบบปัญญาประดิษฐ์ส่วนบุคคลของ Apple ถูกผสานเข้ามาใน macOS อย่างลึกซึ้ง
- Live Translation: แปลภาษาได้แบบสดๆ ทั้งในแอปข้อความ, เสียงพูด หรือระหว่างการโทรผ่าน FaceTime และแอปโทรศัพท์
- คำสั่งลัด (Shortcuts) ที่ฉลาดขึ้น: สามารถสร้างคำสั่งอัตโนมัติที่ซับซ้อนโดยเรียกใช้โมเดลของ Apple Intelligence ได้โดยตรง เช่น การสรุปเนื้อหาจากไฟล์เสียงการสอนแล้วเปรียบเทียบกับโน้ตที่จดไว้
- AI ช่วยจัดการชีวิต: ในแอปเตือนความจำ (Reminders) AI สามารถสแกนหา "สิ่งที่ต้องทำ" จากอีเมลหรือโน้ต แล้วสร้างเป็นรายการเตือนความจำให้โดยอัตโนมัติ
แต่ก็ยังไม่รองรับภาษาไทยอยู่ดี T T
5. ก้าวสำคัญสำหรับวงการเกมบน Mac
Apple เอาจริงเอาจังกับตลาดเกมบน Mac มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้นเพราะมีการปรับและยกเครื่องใหม่กับฟีเจอร์เพื่อคอเกม
- แอป Apple Games ใหม่: ศูนย์รวมเกมทั้งหมดของคุณในที่เดียว ช่วยให้เข้าถึงเกมโปรดและค้นพบเกมใหม่ได้ง่ายขึ้น
- Game Overlay: อินเทอร์เฟซใหม่ที่ปรากฏขึ้นมาขณะเล่นเกม ช่วยให้ปรับแต่งการตั้งค่าระบบ, แชทกับเพื่อน หรือชวนเพื่อนมาเล่นได้โดยไม่ต้องออกจากเกม
- Metal 4: API กราฟิกเวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างเกมที่มีคุณภาพสูงขึ้น พร้อมเทคโนโลยีอย่าง MetalFX Frame Interpolation ที่ช่วยให้ภาพลื่นไหลและมีเฟรมเรตสูงขึ้น
ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่า Apple Intelligence จะทำงานได้กับ mac ที่ใช้ชิป M1 ขึ้นไปเท่านั้น สำหรับคนที่อยากรู้ว่ามาเมื่อไหร่ก็คาดว่ากำหนดการณ์ไม่ต่างจากระบบปฏิบัติการอื่นที่เผยก่อนหน้านี้ ส่วนเครื่องก็คาดการณ์ว่า ถ้ายังใช้ชิป M1 ก็ยังอัปเดตได้อยู่ต่อไป