เปิดวิธีคิด Lucy Guo ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI วัย 30 ปี มหาเศรษฐีที่ยังช้อปปิ้งออนไลน์ และขับฮอนด้าซิตี้ไปทำงาน ยึดคติ "ใช้ชีวิตเหมือนคนจน จะได้รวยยั่งยืน"
Lucy Guo มหาเศรษฐีหญิงที่ลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน กลายเป็นผู้หญิงสร้างตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก แซงหน้าเทย์เลอร์ สวิฟต์ไปแล้ว แต่แม้จะมีทรัพย์สินรวมกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI วัย 30 ปีก็ยังใช้ชีวิตเรียบง่าย ประหยัด และยังช้อปปิ้งที่ Shein อยู่
แม้จะครองหุ้นมูลค่า 1.3 พันล้านในบริษัท AI ยูนิคอร์น แต่ Lucy Guo ก็ไม่ได้ทุ่มเงินใช้ชีวิตหรูหราให้สมกับสถานะเศรษฐีของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ฉันไม่ชอบเสียเงินเปล่า ๆ” Lucy Guo วัย 30 ปี ผู้ใช้ชีวิตอย่างประหยัด ให้สัมภาษณ์กับ Fortune
แน่นอนว่าเธอก็มีใช้เงินบ้างในบางโอกาส เช่น ถ้าต้องบินยาว 16 ชั่วโมง เธอก็เลือกนั่งชั้นธุรกิจ และมีชุดแบรนด์เนมไม่กี่ชุดไว้ใส่ในโอกาสพิเศษ
“แต่ในชีวิตประจำวัน ผู้ช่วยของฉันก็แค่ขับฮอนด้าซิตี้รุ่นเก่าให้ ฉันไม่แคร์หรอก” เธอพูดติดตลก
“เสื้อผ้าที่ฉันใส่ ส่วนใหญ่ได้มาฟรีหรือซื้อจาก Shein บางชิ้นคุณภาพอาจไม่ดีนัก แต่จะมีอยู่สัก 2 ตัวที่ใส่แล้วเวิร์ก ฉันก็ใส่มันวนทุกวัน” เธอหัวเราะ “ฉันยังซื้อโปรซื้อ 1 แถม 1 จาก Uber Eats อยู่เลยนะ”
Lucy Guo ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของแพลตฟอร์มครีเอเตอร์ Passes ทิ้งท้ายว่า เธอเจอประโยคหนึ่งในเช้าวันสัมภาษณ์ที่ตรงกับแนวคิดชีวิตของเธอเป๊ะ "ใช้ชีวิตเหมือนคนจน จะได้รวยยั่งยืน"
เศรษฐีต้องพิสูจน์ตัวเอง แต่มหาเศรษฐีไม่จำเป็นต้องทำ
Lucy Guo กลายเป็นมหาเศรษฐีหลัง Scale AI สตาร์ทอัปด้าน AI ที่เธอร่วมก่อตั้ง มีมูลค่าพุ่งแตะ 25,000 ล้านดอลลาร์จากการขายหุ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แม้เธอจะลาออกจากบริษัทตั้งแต่ปี 2018 (2 ปีหลังจากร่วมก่อตั้ง) แต่สัดส่วนหุ้น 5% ที่เธอยังคงถืออยู่ก็มีมูลค่าราว 1,200 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ส่งผลให้เธอเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีหญิงอายุต่ำกว่า 40 ปีเพียง 5 คนในโลก ตามการจัดอันดับล่าสุดของ Forbes โดยมีชื่อของริฮานนาและดาเนียลา อโมเดอี ผู้ร่วมก่อตั้ง Anthropic ติดโผอยู่ด้วย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Lucy Guo ไม่รู้สึกจำเป็นต้องอวดความร่ำรวยด้วยนาฬิกา Patek Philippe หรือกระเป๋า Hermès Birkin ใส่โน้ตบุ๊กอีกต่อไป เพราะเธอมองว่านั่นคือพฤติกรรมของ “เศรษฐีระดับล้าน”
“คนที่คุณมักจะเห็นใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมหรือขับรถหรู ส่วนมากก็อยู่ในระดับเศรษฐีหลายล้าน เขามีเพื่อนที่เป็นมหาเศรษฐีหรือมีเงินมากกว่า ก็เลยรู้สึกไม่มั่นใจ จึงต้องพยายามโชว์ให้คนอื่นเห็นว่า "ฉันประสบความสำเร็จนะ" แต่ฉันไม่จำเป็นต้องโชว์อะไรให้ใครดูแล้ว จริงไหม?" Lucy Guo อธิบาย
ในวันสัมภาษณ์ Lucy Guo มาแบบไร้เครื่องสำอาง แต่งตัวสบาย ๆ และดูไม่ต่างจากคนรุ่นมิลเลนเนียลทั่วไป แต่เธอก็ยอมรับว่าเมื่อตอนเริ่มต้นชีวิตการทำงาน เธอเองก็เคยอินกับของแบรนด์เนมเหมือนกัน
“ฉันคิดว่าหลายคนรวมถึงตัวฉันเอง จะมีช่วงหนึ่งที่คุณประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายที่อยากได้ มันเลยมีแรงผลักให้ต้องแสดงออก”
“และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่มหาเศรษฐีส่วนใหญ่ใส่แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ หรือฮู้ดดี้ เพราะพวกเขาทำได้ พวกเขาไม่ต้องพิสูจน์อะไรกับใครอีกต่อไป โลกทั้งใบก็พยายามเอาใจพวกเขาอยู่แล้ว” เธอกล่าวพร้อมหัวเราะเบา ๆ
“ฉันก็รู้สึกคล้ายกัน คือเลยจุดที่ต้องพิสูจน์ตัวเองแล้ว ไม่มีใครมาชี้หน้าหัวเราะฉันหรอกว่า "ดูสิ ขับแค่ฮอนด้าซิตี้เอง" เพราะสุดท้ายมันก็ไม่สำคัญอะไรเลย”
ซีอีโอจอมประหยัดส่วนใหญ่อาจแค่พยายามดูเข้าถึงง่าย
Lucy Guo ไม่ใช่คนรวยระดับพันล้านคนเดียวที่ยอมรับว่าตัวเอง "ค่อนข้างประหยัด" เพราะช่วงหลัง ๆ มานี้ คนรวยระดับโลกหลายคนก็เริ่มอวดไลฟ์สไตล์แบบ “เงียบแต่หรู” กันมากขึ้น ใส่สวมเสื้อสเวตเตอร์ขนแองโกร่าที่ไม่มีโลโก้ กางเกงลินินเรียบ ๆ ที่ดูเผิน ๆ ก็เหมือนเสื้อผ้าทั่วไป
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า คนรวยด้วยกันดูออกว่าใครใส่ของจาก Zara หรือของหรูจาก Loro Piana แต่จุดประสงค์ของพวกเขาคือทำตัวให้คล้ายกับคนที่อยู่ในกลุ่มรายได้ทั่วไป เพื่อให้ดูไม่ห่างเหินจนเกินไปนั่นเอง
ดาราดังอย่างเคเก พาล์มเมอร์ หรือมหาเศรษฐีนักลงทุนระดับโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็เคยเปิดเผยตรง ๆ ว่าชีวิตประจำวันของพวกเขาเรียบง่ายเหมือนคนทั่วไป แม้จะมีทรัพย์สินมหาศาล โดยเฉพาะบัฟเฟตต์ที่ถึงขั้นเรียกตัวเองว่า “ขี้เหนียว”
- "วอร์เรน บัฟเฟตต์" เผยการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือหุ้น
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าพ่อหุ้นชื่อดัง แนะนำ มีเพียง 3 สิ่งในชีวิตที่ "คุ้มค่าแก่การฟุ่มเฟือย"
แต่สำหรับ Lucy Guo เธอเชื่อว่ามีไม่กี่คนที่ “ขี้เหนียวจริง” อย่างที่พูดไว้
“ฉันคิดว่าหลายคนแค่อยากเข้ากับสังคม โดยเฉพาะในอเมริกา ตอนนี้มีบรรยากาศแบบ "คนเกลียดมหาเศรษฐี" อยู่ ก็เลยมีคนพยายามบอกว่า "ดูสิ ฉันไม่ใช่มหาเศรษฐีแบบที่คุณคิดนะ ฉันประหยัดต่างหาก"" Lucy Guo อธิบาย
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นเพราะอยากบอกโลกว่า "ดูสิ ฉันไม่เหมือนมหาเศรษฐีคนอื่นนะ" ฉันยอมรับเต็มปากเลยว่า เคยมีช่วงหนึ่งที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย เพราะรู้สึกไม่มั่นใจและอยากแสดงให้คนอื่นเห็นอะไรบางอย่าง”
ส่วนคนที่ตอนนี้ไม่ใช้เงินเยอะ เธอบอกว่า ไม่ได้ทำเพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าเข้าถึงง่าย แต่เพราะพวกเขาเหมือนกับตัวเธอเคยผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาแล้ว จนวันหนึ่งก็เกิดคำถามในใจว่า
“ฉันจะเสียเงินไปกับสิ่งที่ไม่มีความหมายทำไม?”