จากกรณี ผิง ชญาดา อายุ 20 ปี นักร้องสาวรถแห่ ชาวบ้านแดง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี เสียชีวิตหลังไปนวดคลายเส้นกับหมอนวดที่หนองประจักษ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี คาดจะถูกหมอนวดผิดในท่าบิดคอ จนทำให้กระดูกคอเคลื่อนไปทับเส้นประสาท สุดท้ายป่วยทรมาน 2 เดือน และเสียชีวิตในช่วงเช้าวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ญาติได้นำร่าง น.ส.ชญาดา อายุ 20 ปี หรือ ผิง ชญาดา ลูกทุ่งหมอลำ มาทำพิธีสวดอภิธรรมที่บ้าน หมู่ 1 บ้านแดง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี โดยมีญาติและชาวบ้านที่ทราบข่าวมาช่วยกางเต็นท์ เตรียมสถานที่สำหรับพระสงฆ์ เตรียมอาหารสำหรับรับแขกที่จะมาสวดอภิธรรมคืนแรก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา
นางฉันธกาฬ อายุ 47 ปี แม่น้องผิง เล่าว่า ตนเป็นหมอนวดแผนโบราณ มีลูก 3 คน ชาย 2 คน หญิง 1 คน น้องผิงเป็นคนสุดท้อง เป็นคนชอบร้องเพลงลูกทุ่งและหมอลำ จะเป็นนักร้องรถแห่และเรียนไปด้วย หลังเรียนจบ ม.6 น้องผิงก็ไปเป็นนักร้องประจำกับรถแห่
กระทั่งเดือนตุลาคม 2567 น้องผิงมีอาการปวดไหล่และคอ ลูกอยากให้ตนนวดให้ แต่แม่พึ่งผ่าตัดมานวดไม่ได้ จึงไปนวดที่ร้านนวดแผนโบราณที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังนวดกลับมา 2 วัน ได้เล่าให้ตนฟังว่ามีอาการนอนหงายไม่ได้ เพราะปวดต้นคอ เลยกินยาแก้ปวดตลอด คิดว่าเกิดจากเอฟเฟกต์การนวด
จึงกลับไปนวดใหม่เป็นครั้งที่ 2 กับหมอนวดคนเดิม โดยมีการหักคอซ้ำเป็นครั้งที่ 2 หลังจากนั้นอาการปวดคอก็มากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไปซื้อยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อกินตลอด จากนั้นก็มีอาการชาลงแขนซ้าย ช็อต มือสั่น ก็ยังคิดว่าเกิดจากเอฟเฟกต์นวดเหมือนเดิม
จึงไปนวดครั้งที่ 3 อีก เป็นห้องเดิมแต่หมอนวดคนใหม่ หลังจากนั้นมาก็จะมีอาการชาอ่อนแรง เริ่มจากแขนซ้าย ลำตัวซ้าย และขาซ้าย ซีกซ้ายจะให้การไม่ได้เลย หลังจากนั้นก็เริ่มชาทางซีกขวาซึ่งมีอาการเหมือนกัน แล้วก็เดินไม่ได้นอนป่วยติดเตียงไปเลย
นางฉันธกาฬ เล่าต่อว่า ช่วงที่ยังเดินได้ ก็เล่าให้แม่ฟังและให้แม่ดู แม่ก็เช็กอาการชาเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณใด เพราะว่าแม่ก็เป็นหมอนวดเหมือนกัน เช็กดูกล้ามเนื้อแล้ว ก็ไม่พบตัวไหนที่ทำให้ชาและอ่อนแรง จึงถามลูกว่า ไปนวดให้เขาหักคอด้วยใช่ไหม ลูกก็ตอบว่าใช่หัก 2 รอบ
แม่รู้เลยว่ากระดูกคอต้องเคลื่อน จึงบอกให้ลูกไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ไปเล่าอาการให้หมอฟัง หมอไม่เชื่อว่าอาการนี้เกิดจากการนวด พร้อมกับหัวเราะ พอเห็นมือน้องผิงสั่น ก็ถามว่าน้องผิงติดยาไหมประมาณนี้ หมอให้แต่ยาแก้ปวด ยาคลายเครียดมากิน เมื่อโรงพยาบาลไม่เอกซเรย์คอให้
"แม่จึงบอกให้น้องผิงรีบกลับบ้าน แต่น้องผิงติดงาน 4-5 วัน พอกลับมาบ้านก็เข้าโรงพยาบาลอีกแห่ง พอเล่าอาการให้หมอฟัง หมอก็เอกซเรย์ทันที หมอบอกว่ากระดูกคอคด มีปัญหา จึงสั่งตัวไปรักษาต่อที่อีกโรงพยาบาล ดูแผ่นเอกซเรย์พบว่ากระดูกคอ ซี่ 1 ซี่ 2 ซี่ 3 เคลื่อน จึงฉีดยาแก้ปวด และให้กินยา และนัดพบหมออีกในวันที่ 16 พ.ย. 67
แต่น้องผิงรอไม่ได้ เพราะมีอาการปวดมากขึ้น อ่อนแรงมากขึ้น จึงไปพบหมอก่อนนัดคือวันที่ 6 พ.ย. เมื่อไปถึงหมอก็ส่งตัวไปรักษาต่อที่อีกโรงพยาบาล ในกรณีกระดูกคอเคลื่อน ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. ซึ่งมีทั้งการรักษากระดูกคอเคลื่อน ไขสันหลังอักเสบ ซึ่งจะรักษาหมอเฉพาะทาง หลายหมอ และเป็นเจ้าหญิงนิทรา อยู่ในห้องไอซียู ประมาณ 10 คืน”
นางฉันธกาฬ เล่าต่อไปว่า เมื่อคืนนี้หมอเรียกไปถามว่า ถ้าหัวใจน้องหยุดเต้น จะให้ปั๊มหัวใจหรือไม่ ซึ่งตนก็ตอบว่าไม่ เพราะถ้าปั๊มหัวใจแล้วน้องผิงก็อยู่กับเราไม่นาน เพราะทุกอย่างในร่างกายรวนไปหมดแล้ว ปอดก็เป็นฝ้าติดเชื้อชนิดดื้อยา เลือดมีเชื้อรา เชื้อขึ้นสมองบวม ใช้ยาแพง ยาเมืองนอก ยาแรง แต่ยาก็มีผลกดภูมิคุ้มกันของน้องผิง
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตหมอบกว่าติดเชื้อมาก ร่างกายรับไม่ไหว ในวันที่ 19 ธ.ค. หมอจะออกเอกสารระบุสาเหตุการเสียชีวิตให้
นางฉันธกาฬ เล่าต่อไปว่า ซึ่งก่อนที่น้องผิงจะเกิดอาการปวดคอและไหล่ ในช่วงเข้าพรรษาจะไม่มีงานแสดง น้องผิงจะมาขายปลาหมึกย่าง มีการหามโต๊ะเก้าอี้ จะมีอาการปวดตึงคอบ่าไหล่ธรรมดา ซึ่งตั้งแต่เด็กน้องผิงชอบร้องเพลง จะไปประกวดร้องเพลงรายการไมค์ทองคำ
อยากไปประกวดที่ไหนแม่ก็จะพาไป มีการเปิดค่ายเพลงเล็กๆ ใกล้บ้าน พอดีคุณเธค ค่ายหัวหน้าค่ายกีต้าร์เรคคอร์ดเห็นก็เอาไปอยู่ด้วย ไม่คิดว่าลูกจะด่วนจากไป ก็ไม่ได้คุยกันมาก แต่น้องผิงเคยบอกว่า ถ้าผิงหายผิงจะพาแม่รวย ไม่นานเราจะรวย พูดคำนี้ตลอด
ส่วนความฝันของน้องผิงคืออยากเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง ได้ออกเพลง 2 ซิงเกิ้ล แต่ยังไม่ดัง ก็มาเสียชีวิต ค่ายเพลงก็มาเยี่ยม และช่วยเงินรักษา จะรอพี่ชายทั้งสองเดินทางกลับมาบ้าน จึงจะทำพิธีฌาปนกิจน้องผิง คาดว่าจะเป็นพุธหรือพฤหัสบดี
ส่วน นายภูมิณรงค์ อายุ 22 ปี แฟนน้องผิง ตนคบกับน้องผิงมา 3 ปี คิดจะหมั้นไว้ก่อน 5 หมื่นบาท และวางแผนถึงการแต่งงานกัน ช่วงเข้าพรรษาไม่มีงาน จึงไปขายปลาหมึก มีการยกโต๊ะน้องผิงก็บ่นปวดหลัง ตนก็จะนวดให้ พอออกพรรษามีงานรถแห่เข้ามา น้องผิงก็บ่นปวดหลัง ตนจึงพาไปนวดที่ร้านนึงในเมืองอุดรธานี
พอนวดเสร็จก็บอกว่าดีขึ้น ผ่านไปก็บอกว่าปวดอีก ก็พาไปอีกไป หมอนวดครั้งแรกและครั้งที่ 2 คนเดียวกัน แต่พอไปงานที่บ้านเลื่อมในเมืองอุดรธานี เสร็จน้องผิงก็บอกว่าปวดหลัง ก็พาไปนวดอีกร้านเดิม ห้องเดิม แต่หมอนวดคนใหม่ จากนั้นก็เริ่มชาแขน ขา ทั้งซ้ายและขวา ก็พาไปรักษาที่โรงพยาบาล พบว่ากระดูกคอเคลื่อน กลับมานอนรักษาตัวที่บ้าน ปรากฏว่าแขนขาใช้งานไม่ได้ ติดเตียง แต่ยังยิ้มหัวเราะปกติ
"ต่อมาผิงโทรมาบอกผมว่า หายใจไม่ค่อยออก หายใจไม่สะดวก จึงเรียกรถโรงพยาบาลไปส่งโรงพยาบาล ตนไปเยี่ยมทุกวันที่ไม่มีงาน พูดคุยให้กำลังใจกันตลอด ถ่ายคลิปงานมาให้ดู ถ่ายแมวมาให้ดู ครั้งแรกยังตอบสนองพูดคุยได้ปกติ ตนอยู่ดูแลจนน้องผิงหมดลมหายใจไปต่อหน้า รู้สึกชาไปหมด ยังทำใจไม่ได้
ส่วนความฝันน้องผิงฝันอยากเป็นศิลปิน ไปประกวดนักร้องที่เสียงอีสาน แต่ไม่ได้รางวัล เข้าแค่รอบ 1 และรอบ 2 เท่านั้น และอยากบอกน้องผิงว่า ไม่ต้องห่วง ตนจะบวชให้น้องผิง ส่วนเรื่องจะฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย ตนก็ยังไม่ได้คิด ทีแรกแม่จะไปแจ้งความ แต่ให้งานเสร็จก่อน เพราะยังติดใจการเสียชีวิต