เสนาหอย เล่าวินาทีที่ได้รู้ว่าตนเองเป็นหนี้ 106 ล้านบาท ชีวิตเปลี่ยนต้องขายทุกอย่างใช้หนี้
นักแสดงอารมณ์ดี เสนาหอย เป็นแขกรับเชิญใน รายการขมคอ Story Podcast ช่อง BenzKhomKorr และได้มาเปิดใจถึงวันที่ตอนเองเปิดบริษัทกับเพื่อนรัก วิลลี่ แมคอินทอช และเป็นหนี้ร่วมกัน 106 ล้านบาท
เริ่มต้นเปิดบริษัทลักษ์ 666 กับ พี่เปิ้ล นาคร, วิลลี่ แมคอินทอช ตอนนั้นในเมืองไทยยังไม่มีรายการแกล้งดารามีแต่ของเมืองนอก ใครที่อยากให้รายการสาระแนไปแกล้ง จำได้เทปแรกแกล้ง พี่กิ๊ก ซูโม่กิ๊ก แต่แกล้งแกไม่ได้ แต่ไปแกล้งพี่กุ้งแทน ทำเป็นว่า พี่กุ้ง ต้องบอกว่าเป็นเทปที่ตื่นเต้นมากจนถึงเทปที่พันก็ยังตื่นเต้น
เทปที่ประทับใจแกล้ง พี่ต๋อย ไตรภพ แกช่วยคนในแบบที่ไม่มีคนเคยเห็นมาก่อน ต้องบอกว่าเป็นรายการที่เราชอบมากรักมาก
นอกจากนี้ เสนาหอย ได้เล่าถึงชีวิตการเป็นหนี้ 106 ล้านบาท และต้องทำงานหาเงิน ขายทุกสิ่งใช้หนี้
"การทำบริษัทหรือทำอะไร พยายามจำวันแรกที่เราได้คุยกันไว้ว่าเราจะทำอะไร คำว่าอะไรก็ได้ อันนั้นคือบาทแรก วันหนึ่งทำประสบความสำเร็จจริงๆ พอมันเป็นล้าน พอมันเป็นสิบล้าน มันเป็นร้อยล้าน ไม่มีอะไรก็ได้หรอก มันไม่มีในโลกนี้ไม่มี เวลาทำอะไร มันเป็นประสบการณ์ชีวิตจริงๆ ที่เราเคยทำบริษัทที่ โห…เราทำมาแล้วทุกอย่างจริงๆ เราสามคนทำมาแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรายการทีวี หนัง คลื่นวิทยุ 88 GoodFM หรือทำนิตยสาร ผมเชื่อว่าในยุคนั้นบันเทิงเราทำหมด"
"ในยุคเคเบิล รายการ สาระแน คนดูเยอะแยะมากมาย จนกระทั่งมีช่องดิจิทัลเข้ามา มีทั้งโทรศัพท์ที่สื่อสารข่าวสารเดี๋ยวนี้ เข้ามาในยุคดิจิตอล วันหนึ่งตื่นเช้ามา ทุกคนแยกย้าย เหลือเรา 2 คน เรามีอะไรกันเท่าไหร่ เปิดมาจำได้เลย คุณมีหนี้อยู่ 106 ล้าน ได้ยินแบบนั้น น้ำตาไหลเลย จริงเหรอวะ ล้มละลาย แต่วิลลี่พูดออกมาอันนึงว่าแล้วเจ้าหนี้เราล่ะ เขาอาจจะรออันนี้เพื่อไปจ่ายค่าเทอมลูก เอาอีกแบบนึงได้ไหม ถ้างั้นจับมือคนละครึ่ง จากนี้ไปจนหมด มึงกับกูอะไรก็ได้ คนละครึ่ง หนี้สินอะไรก็แล้วแต่ ขายทุกอย่างหมดก็ยังไม่พอใช้หนี้"
"จากวันนั้นเราบอกว่าเราไม่สามารถเป็นเจ้าของรายการทีวีได้อีกแล้วนะ หลังจากนั้น เพราะเราไม่มีเงินทุนแล้ว เรามาเป็นนักแสดง พิธีกรรับจ้างกันนะ แล้วเอาเงินตรงนั้นเข้ามา เชื่อไหมทำงานเหมือนคนบ้า คนทักเลยว่าจะทำงานวันสุดท้ายใช่ไหม ทและที่สำคัญไม่น่าเชื่อ ไม่เคยบอกใคร เราทำแบบนี้เราไม่มีรายจ่าย เราไปเสร็จ เรากินข้าวกอง กับวิลลี่คิดกันขนาดนั้น เราออกมาไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ใช้อย่างประหยัดทุกอย่าง ทำไปเรื่อยๆ จน 4 ปี ใช้หนี้หมด โคตรภูมิใจ มองหน้ากันวันนั้นที่เราพูดกันว่าคนละครึ่งแม่งเจ๋งจริงๆ"
"ผมถึงบอกว่าใครที่คิดจะทำอะไร อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจแม้แต่นิดเดียว ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดอาการขมคอได้ โคตรเหนื่อยแต่เราพูดไม่ได้ เราทำทุกอย่าง ที่เห็นงานแต่ไม่เคยเห็นเงินเลย 4 ปี"
"ไม่เคยเลย แต่คิดไม่ได้ เพราะมันห่างมากนะสำหรับการที่เราไม่ได้ทำธุรกิจแบบได้เงินเยอะๆ เราต้องสะสมทีละนิด ทีละหน่อยในการออกรายการ แต่วิลลี่ เขาเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ บางทีผมไม่ไหว ไม่ไหว วิลลี่ก็จะบอกเอานี่ไปก่อน สุดท้ายเราไม่นึกเหมือนกันว่าจะหมด เราโคตรดีใจเลย ที่เงินก้อนใหญ่ๆ หายไปแล้ว สุดท้ายเราก็มองว่าเราก็อึดเหมือนกันนี่หว่า จากนี้เราทำอะไร เราคงไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจอีก เราทำก็ต้องทำได้ด้วยตัวเอง"
"เรารอที่จะยิ้มกับสิ่งใหญ่ๆ เรายิ้มให้กับสิ่งเล็กบ้างๆ ทำคุ้มค่ากับที่เขาจ้างเราก่อน ทำไปๆ ไม่มีวันหยุด เราต้องสนุกกับมัน ไม่เสียดายเราต้องใช้เขา เราคิดว่าเราจะได้มีความสุขที่เราได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้"
"หลายคนบอกมีเพื่อนเยอะๆ ดี แต่ผมรู้สึกว่ามีคนเดียว แล้วเขาสามารถอยู่กับเรา มีคนบอกการทำธุรกิจกับเพื่อน หรือทำธุรกิจกับครอบครัว มันมีโอกาสล้มได้สูงมาก เพราะเรื่องเงินจะทำร้ายคุณในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ผมรู้สึกเขากับผม เรื่องเงิน ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย บางครั้งเรามีเราใช้ก่อน ดีใจที่มีเพื่อนแบบนี้ ผมเชื่อว่าวันนั้นถ้าเป็นอีกแบบหนึ่ง ชีวิตเราไม่มีความสุขหรอก เราไม่เหนื่อย แต่เราไม่มีความสุข แต่ผมรู้สึกผมเหนื่อยมา แล้วมันมีความสุขตอนนี้ ผมไม่โกงใคร ผมได้ แต่ใช้ระยะเวลาหน่อย ขอบคุณทุกคนที่รอเรา สมมติว่าเขาฟ้องเราก็คงเป็นอีกแบบหนึ่ง"
"เราบอกเลยว่าทำงาน เราจะใช้เขา ทุกอย่างเราใช้หมดแต่อาจจะช้าหน่อยนะครับ ถ้าวันนั้นเขาไม่ให้โอกาสเรา วันนั้นเราอาจจะล้มละลายไม่มีโอกาสได้ทำงาน"