มือถือแบตเตอรี่ความจุเยอะ และรองรับมาตรฐานการชาร์จไวความเร็วสูง นับเป็นสเปคที่ทำให้ตลาดมือถือคึกคักมาตลอดช่วงที่ผ่านมา เพราะในยุคที่มือถือมีฟีเจอร์แบบจัดเต็ม สเปคหน้าจอใส่สุด และการประมวลผล AI ที่เพิ่มมากขึ้น วันนี้ DroidSnas ขอรวมมือถือ 8 รุ่น น่าสนใจในปี 2025 ที่มาพร้อมสเปคแบบจัดเต็ม และแบตเตอรี่กับการชาร์จเร็วแบบจุใจมาให้อ่านกัน!
มือถือแบตเยอะชาร์จเร็ว สเปคครบจัดเต็ม
- realme GT 7
- vivo V50
- Redmi Note 14 Pro+ 5G
- Galaxy S25 Ultra
- Xiaomi 15 Ultra
- iQOO Neo 10
- OPPO Reno13 5G
- POCO F7 Pro
realme GT 7 ราคา 22,999 บาท
เริ่มต้นกับสมาร์ทโฟนแบตเยอะรุ่นแรกกับ realme GT 7 ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 7,000mAh (silicon anode) ได้รับการรับรองระดับ 5 ดาว ว่ามีความปลอดภัยในเรื่องของการทนความร้อน และแบตเตอรี่ไม่เสื่อมง่าย รองรับมาตรฐานการชาร์จเร็วสูงถึง 120W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ได้ภายใน 40 นาที ทำงานร่วมกับชิปถนอมแบตเตอรี่ของทาง realme ที่จะช่วยให้สุขภาพ และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ดีขึ้น
การประมวลผลของ realme GT 7 ใช้ชิปเซต MediaTek Dimensity 9400e มีความเร็วการประมวลผลสูงสุด 3.4GHz พร้อมจุดเด่นของฝาหลังที่เป็นระบบระบายความร้อน IceSense Graphene ในตัว สามารถนำความร้อนได้ดีกว่าวัสดุทั่วไปถึง 10 เท่า ให้ทั้งประสิทธิภาพที่ดี และการประหยัดพลังงานไปควบคู่กัน จับคู่กับหน่วยความจำ 12GB (LPDDR5X) พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 512GB (UFS 4.0) ทำงานอยู่บน realme UI 6.0 บนพื้นฐานของ Android 15
และหน้าจอแสดงผลขนาด 6.78 นิ้ว พาแนลหน้าจอเป็น AMOLED อัตรารีเฟรชเรท 120Hz ความละเอียด 1.5K ความสว่างสูงสุด 6,000 นิต มาตรฐานทนละองน้ำ ทนน้ำ ทนฝุ่น IP66 / IP68 / IP69 โครงสร้างวัสดุตัวเครื่องออกแบบมาเพื่อป้องกันการตกกระแทกทั้งภายนอก และภายใน
สเปคของ realme GT 7
- จอภาพ : AMOLED 6.78 นิ้ว
- ความละเอียด 1.5K (2,780 x 1,264 พิกเซล)
- อัตรารีเฟรชเรท 120Hz
- ความสว่างสูงสุด : 6,000 นิต
- ชิปเซต : MediaTek Dimensity 9400e
- RAM LPDDR5X : 12GB
- หน่วยความจำ UFS 4.0 : 512GB
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- กล้องหลัก Sony IMX906 ความละเอียด 50MP (f/1.8)
- กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP (f/2.2)
- กล้องเทเลโฟโต้ Samsung S5KJN5 ความละเอียด 50MP (f/2.0) ซูมออปติคัล 2 เท่า
- กล้องหน้า : Sony IMX615 ความละเอียด 32MP (f/2.4)
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอรีโอ
- แบตเตอรี่ : 7,000 mAh
- รองรับชาร์จไว 120W FlashCharge
- การเชื่อมต่อ
- 5G
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 5.4
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
- ทนน้ำทนฝุ่น : IP66 + IP68 + IP69
- ระบบปฏิบัติการ : realme UI 6.0 บนพื้นฐาน Android 15
- ขนาด : 162.42 มม. x 76.13 มม. x 8.30 มม.
- น้ำหนัก: 206 กรัม
vivo V50 ราคาเริ่มต้น 15,999 บาท
vivo V50 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก V Series ที่มาพร้อมกับจุดเด่นของชุดกล้อง ZEISS สองตัว และแบตเตอรี่เทคโนโลยี BlueVolt ที่อัปเกรดความจุขึ้นมาเป็น 6,000mAh และรองรับการชาร์จเร็วอยู่ที่ 90W (FlashCharge) และรับประกันสุขภาพแบตเตอรี่ยาวนานถึง 4 ปี และมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่น IP68 และ IP69
ชุดกล้องหลัง และกล้องหน้าของ vivo V50 เป็นชุดกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซลทั้งสามตัว ซึ่งพัฒนาร่วมกับ ZEISS พร้อมกับฟีเจอร์หรือลูกเล่นในการถ่ายภาพที่มีให้เลือกใช้เยอะมากๆ เช่น การปรับเอฟเฟคโบเก้ โปรไฟล์สีแบบ ZEISS ไปจนถึงไฟ AI Aura Light Portrait 2.0 ที่จะช่วยให้ภาพมีความละมุน มอบรายละเอียดผิวและแสงเงาให้มีมิติมากขึ้นกว่าเดิม
โดยที่ขุมพลังของ vivo V50 จะมาจากชิปเซตของฝั่ง Qualcomm อย่าง Snapdragon 7 Gen 3 ที่ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Snapdragon 8 Gen 2 พร้อมการกินพลังงานที่ต่ำกว่าเดิม จับคู่กับระบบระบายความร้อน VC ขนาดใหญ่พิเศษ 25,489 มม. ระบบเสียงลำโพงคู่สเตอริโอ หน้าจอโค้งสี่ด้าน (Micro Quad-curve) ขนาด 6.77 นิ้ว ความสว่างสูงสุดทั้งหน้าจอ 1,300 นิต อัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz
สเปคของ vivo V50
- จอภาพ : AMOLED ขนาด 6.77 นิ้ว
- ความละเอียด FHD+ (2392 × 1080 พิกเซล)
- สว่างสูงสุด 4,500 นิต
- อัตรารีเฟรช 120Hz
- รองรับ HDR10+, กระจกกันรอย Diamond Shield Glass
- ชิปเซต : Snapdragon 7 Gen 3
- RAM LPDDR4X : 8GB/12GB
- Storage UFS 2.2 : 256GB/512GB
- กล้องหลัง :
- กล้องหลัก 50 MP, รูรับแสง f/1.88, ขนาดเซนเซอร์ 1/1.55″, ขนาดพิกเซล 1.0µm, ระบบโฟกัส PDAF, กันสั่น OIS
- กล้องอัลตราไวด์ 50 MP, รูรับแสง f/2.0, มุมมองกว้าง 119˚, ขนาดเซนเซอร์ 1/2.76″, ขนาดพิกเซล 0.64µm, AF
- กล้องหน้า : 50 MP, f/2.0, 21mm (wide), 1/2.76″, 0.64µm, AF
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอรีโอ
- แบตเตอรี่ : 6,000 mAh
- รองรับชาร์จไว 90W (แถมที่ชาร์จในกล่อง)
- การเชื่อมต่อ
- 5G
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.4
- NFC
- พอร์ต
- USB C
- ซิม : nano + nano
- เซนเซอร์ : สแกนนิ้วบนหน้าจอ (optical), accelerometer, gyro, proximity, compass
- ความทนทาน : IP68/IP69
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 15 บนพื้นฐาน Android 15
- ขนาด :
- 163.29 × 76.72 × 7.39 มม. (Satin Black)
- 163.29 × 76.72 × 7.57 มม. (Ancora Red, Mist Purple)
- น้ำหนัก:
- 189 กรัม (Satin Black)
- 199 กรัม (Ancora Red, Mist Purple)
Redmi Note 14 Pro+ 5G ราคา 14,990 บาท
Redmi Note 14 Pro+ 5G สมาร์ทโฟนตัวท็อปสายคุ้มจากฝั่ง Redmi ที่มาพร้อมกับการอัปเกรดทั้งในเรื่องของงานดีไซน์ ชุดกล้องความละเอียดสูง และฟีเจอร์ AI ที่เยอะขึ้น ไปพร้อมๆ กับความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,110mAh และมาตรฐานไฮเปอร์ชาร์จความเร็วสูงถึง 120W ที่ทำงานควบคู่กับระบบจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge เพื่อช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่
สำหรับประสิทธิภาพการประมวลของ Redmi Note 14 Pro+ 5G นั้น ใช้เป็นชิปเซ็ตอย่าง Snapdragon 7s Gen 3 ชุดกล้องหลังสามตัวความละเอียดกล้องหลัก 200 ล้านพิกเซล กล้องอัลตร้าไวด์ 8 ล้านพิกเซล กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับอัลกอริธึมประมวลผลภาพ Xiaomi Imaging Engine ทำให้ภาพถ่ายที่ได้ออกมา จะมีสีสันที่ดีพร้อมกับความคมชัดของรูปภาพ
ตัวเครื่องจะมช้การออกแบบหน้าจอโค้งสองด้าน พาแนลหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว และความสว่างหน้าจอสูงสุด 3,000 นิต รองรับการทนน้ำทนฝุ่น IP68. และฟีเจอร์ Wet Touch ให้สามารถใช้งานหน้าจอได้ถึงม้มือหรือหน้าจอจะเปียกอยู่ แถมฟีเจอร์ AI สำหรับการใช้งาในชีวิตประจำวันก็เรียกได้ว่าขนมาใส่เอาไว้ในเครื่องแทบจะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น AI Erase Pro, AI Interpreter, AI Notes, AI Recorder, และ AI Film
สเปคของ Redmi Note 14 Pro+
- จอภาพ : AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว
- ความละเอียด 1.5K (1,220 x 2,712 พิกเซล)
- สว่างสูงสุด 3,000 นิต
- อัตรารีเฟรช 120Hz
- รองรับ HDR10+, Dolby Vision, กระจกกันรอย Gorilla Glass Victus 2
- ชิปเซต : Qualcomm Snapdragon 7s Gen 3 (4 nm)
- RAM LPDDR4X : 12GB
- หน่วยความจำ UFS 2.2 : 512GB
- กล้องหลัง :
- กล้องถ่ายภาพหลัก 200 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HP3, f/1.65, กันสั่น OIS, 2.24μm 16-in-1 pixel binning
- กล้องอัลตราไวด์ 8 ล้านพิกเซล (f/2.2)
- กล้องถ่ายภาพมาโคร 2 ล้านพิกเซล (f/2.4)
- กล้องหน้า : 20 ล้านพิกเซล f/2.2
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่ Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ : 5,110 mAh
- รองรับชาร์จไว 120W HyperCharge
- การเชื่อมต่อ
- 5G
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6
- Bluetooth 5.4
- NFC
- พอร์ต
- USB C
- ซิม : Hybrid Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
- เซนเซอร์ : Fingerprint (สแกนนิ้วบนหน้าจอ, optical), accelerometer, gyro, proximity (ultrasonic), compass
- ความทนทาน : IP68
- ระบบปฏิบัติการ : HyperOS บนพื้นฐาน Android 14
- ขนาด :
- 162.53 x 74.67 x 8.75 มม. (วัสดุกระจก)
- 162.53 x 74.67 x 8.85 มม. (วัสดุ Vegan Leather)
- น้ำหนัก: กระจก 210g / Vegan Leather 205g
Galaxy S25 Ultra ราคาเริ่มต้น 42,900 บาท
คราวนี้ลองเขยิบมาดูกันที่สมาร์ทโฟนระดับเรือธงจากทางฝั่งเกาหลีบ้างดีกว่า กับ Samsung Galaxy S25 Ultra สมาร์ทโฟนตัวท็อปของซีรีส์ Galaxy S ที่ปีนี้ทำการเปลี่ยนดีไซน์จากมุมเครื่องแบบเหลี่ยมที่คุ้นตากันเป็นอย่างดี ให้กลับมาเป็นรูปทรงที่โค้งมนกว่าเดิม โดยที่ตัวของ Galaxy S25 Ultra ใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปรุ่นล่าสุดจากทางฝั่ง Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Elite จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh และรองรับการชาร์จไว 45W (เสมอมา) หรือใครชอบชาร์จแบบไร้สาย ตัวเครื่องเองก็รองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน FWC 2.0 ด้วย พร้อมขยายขนาดของแผ่นระบายความร้อน Vapor Chamber ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 40%
ชุดกล้องหลังยังคงประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัวเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยการอัปเกรดความละเอียดของกล้องกับเซนเซอร์ที่ใช้ จากเดิมกล้องอัลตราไวด์จะมีความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล ก็อัปเกรดขึ้นมาเป็นความละเอียด 50 ล้านพิกเซลในที่สุด เพื่อให้ได้ภาพภ่ายที่คมชัดคู่ไปกับระยะการเปลี่ยนเลนส์ที่ดูสมูทขึ้นไปอีกแบบ พร้อมมาตรฐาน HDR 10-bit ทำให้เก็บรายละเอียดได้ครบในทุกสภาพแสง และถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยได้คมชัดกว่า หน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด QHD+ อัตรารีเฟรชเรท 1-120Hz มาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่น IP68
จุดเด่นอย่าง Galaxy AI ที่ทาง Samsung ภูมิใจนำเสนอก็ใส่มาให้ใช้งานแบบครบๆ สมกับการเป็นตัวท็อปของซีรีส์ พร้อมฟีเจอร์ใหม่น่าสนใจอีกเพียบที่จะช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกยิ่งขึ้น เช่น Now Brief, Best Face, AI Noise Reduction และ Audio Eraser ทำงานอยู่บนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย One UI 7 และกำลังจะได้รับการอัปเดตเป็น One UI 8 ในอนาคตเร็วๆ นี้
สเปคของ Samsung Galaxy S25 Ultra
- จอภาพ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว
- ความละเอียด QHD+ (3,120 x 1,440 พิกเซล)
- สว่างสูงสุด 2,600 นิต
- อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
- กระจกหน้าจอ Corning® Gorilla® Armor 2
- ชิปเซต : Snapdragon 8 Elite For Galaxy
- RAM LPDDR5x : 12GB
- Storage UFS 4.0 : 256GB / 512GB / 1TB
- กล้องหลัง : 4 ตัว
- กล้องหลัก 200MP (f/1.7) กันสั่น OIS
- กล้องอัลตราไวด์ 50MP (f/1.9) มุมกว้าง 120 องศา
- กล้องเทเลโฟโต 10MP (f/2.4) กันสั่น OIS ระยะซูมออปติคัล 3 เท่า
- กล้องเทเลโฟโต 50MP (f/3.4) กันสั่น OIS ระยะซูมออปติคัล 5 เท่า (Space Zoom สูงสุด 100 เท่า)
- กล้องหน้า : 12MP (f/2.2)
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอรีโอ
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
- รองรับชาร์จไว 45W
- รองรับชาร์จไร้สาย FWC 2.0
- การเชื่อมต่อ
- 5G
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 5.4
- NFC
- Ultra Wideband
- พอร์ต
- USB USB-C 3.2 Gen 1 (รองรับ DeX mode)
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจออัลตราโซนิค
- ความทนทาน : IP68
- ระบบปฏิบัติการ : One UI 7 บนพื้นฐาน Android 15
- ขนาด : 162.8 x 77.6 x 8.2 มม.
- น้ำหนัก: 218 กรัม
Xiaomi 15 Ultra ราคาเริ่มต้น 42,990 บาท
ตัวท็อปเรื่องกล้อง สเปคใส่สุดจัดเต็ม Xiaomi 15 Ultra มีจุดเด่นน่าสนใจอย่างชุดกล้องหลังสี่ตัวพร้อมเลนส์ออปติคอล Summilux ของ Leica ที่ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมสเปคใส่สุดตามสไตล์เรือธง และประสบการณ์การถ่ายรูปแบบมืออาชีพ โดยสเปคกล้องถ่ายภาพของ Xiaomi 15 Ultra ใช้เป็นระบบกล้อง Leica Summilux (ช่วงซูมออปติคอล 14 มม. ถึง 200 มม.)
เร่ิมต้นที่กล้องหลัก Leica 23 มม. (เซ็นเซอร์ Sony LYT-900 50MP, ƒ/1.63, 14EV) กล้องเทเลโฟโต้ Leica 70 มม. (รองรับการถ่ายมาโคร 10 ซม.) กล้องเทเลโฟโต้ Leica 100 มม. (200MP, 1/1.4 นิ้ว, ƒ/2.6, ซูม 200 มม. ในเซ็นเซอร์) และกล้องอัลตราไวด์ Leica 14 มม. รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 120FPS
ในส่วนของการประมวลผล Xiaomi 15 Ultra มาพร้อมกับชิปเซต Snapdragon 8 Elite หน่วยความจำขนาดสูงสุด 16GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด 1TB จับคู่กับแบตเตอรี่ Xiaomi Surge ขนาด 5,410 mAh รองรับมาตรฐานไฮเปอร์ชาร์จ 90W พร้อมกับการชาร์จไร้สาย 80W ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 และ Xiaomi HyperAI ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI ล้ำๆ ภายในเครื่องตั้งแต่แกะกล่องเพียบ เช่น AI Writing, AI Creativity Assistant, AI Image Enhancement, AI Image Expansion, AI Eraser Pro, AI Reflection, AI Magic Key และ AI Film เป็นต้น
สเปค Xiaomi 15 Ultra
- จอภาพ : AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว
- ความละเอียด 3,200 x 1,440 พิกเซล
- อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
- ความสว่างสูงสุด 3,200 นิต
- ชิปเซต Snapdragon 8 Elite
- หน่วยความจำ 16GB
- สตอเรจ 512GB / 1TB
- กล้องหลัง
- กล้องหลัก 50MP (f/1.63), กันสั่น UIS
- กล้องอัลตราไวด์ 50MP (f/2.2), มุมกว้าง 115 องศา, โฟกัสใกล้สุด 5 ซม.
- กล้องเทเลมาโคร (3x) 50MP (f/1.8), โฟกัสใกล้สุด 10 ซม., กันสั่น UIS
- กล้องเทเล (4.3x) 200MP (f/2.6), กันสั่น UIS
- รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 8K ที่ 30 fps
- กล้องหน้า 32MP (f/2.0)
- ลำโพงสเตอรีโอ
- รองรับ Dolby Atmos
- รองรับ Hi-Res Audio / Hi-Res Audio Wireless
- รองรับ Snapdragon Sound
- เครือข่าย 5G
- การเชื่อมต่อ
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 6.0
- NFC
- USB 3.2 Gen 2
- แบตเตอรี่ 5,410 mAh
- ชาร์จไว 90W
- ชาร์จไร้สาย 80W
- ทนน้ำทนฝุ่น IP68
- ระบบปฏิบัติการ HyperOS 2 บน Android 15
- ขนาด 161.3 x 75.3 x 9.35 มม.
- น้ำหนัก 226 กรัม (สีดำ, สีขาว), 229 กรัม (สีเงิน)
iQOO Neo 10 ราคาเริ่มต้น
iQOO Neo 10 สมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่มาพร้อมกับจุดเด่นอย่างสเปคที่ตอบโจทย์สายเกมได้อย่างแน่นอน และเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่เอา Neo Series เข้ามาขาย ขุมพลังการประมวลผลแรงสูงด้วย Snapdragon 8s Gen 4 ฟาดคะแนน AnTuTu ไปได้มากถึง 2,107,290 คะแนน และชิปประมวลผลกราฟิกแยก Q1 ที่โดยปกติแล้วจะมีอยู่แค่ใน iQOO Number Series ตัวท็อปเท่านั้น จับคู่กับแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 7,000mAh รองรับการชาร์จไว 120W พร้อมของแถมในกล่องครบไม่ต้องออกไปหาซื้อเพิ่มให้เมื่อย ไม่ว่าจะเป็น เคสตัวเครื่อง สายชาร์จ อะแดปเตอร์ 120W เข็มจิ้มซิมและคู่มือ
พร้อมกันนั้น iQOO Neo 10 ยังมีจุดเด่นในเรื่องของ “การจัดการความร้อน” ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นผลมาจากระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ขนาดใหญ่ 7,000 ตร.มม. ที่ช่วยให้ตัวเครื่องยังสามารถคงประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้แบบคงที่มากที่สุด และยังมีระบบระบายความร้อนเพิ่มเติมที่ใช้แกรไฟต์กับเจลระบายความร้อน ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิถึง 9 ตัว
ฟากของสเปคหน้าจอก็ไม่น้อยหน้า iQOO Neo 10 ใช้เป็นพาแนลหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รองรับอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz ใช้งานกลางแจ้งได้ดีด้วยความสว่างทั้งหน้าจอสูงสุด 2,000 นิต และความสว่างเฉพาะส่วนสำหรับคอนเทนต์ HDR 5,500 นิต มีความบางอยู่ที่ 8.09 มม. และน้ำหนัก 206 กรัม ตัวโครงสร้างใช้เป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูงที่ออกแบบมาให้ทนต่อการตกกระแทก และผ่านการทดสอบความทนต่อแรงกระแทกมาตรฐาน MIL-STD-810H
สเปค iQOO Neo 10
- จอภาพ : AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว
- ความละเอียด 1.5K (2,800 x 1,260 พิกเซล)
- อัตรารีเฟรชเรท 144Hz
- ความสว่างสูงสุด (ทั้งหน้าจอ) : 2,000 นิต
- ความสว่างสูงสุด (เฉพาะส่วน) : 5,500 นิต
- ชิปเซต : Snapdragon 8s Gen 4
- ชิปประมวลผลกราฟิก Q1
- RAM LPDDR5X : 12GB / 16GB
- หน่วยความจำ UFS 4.1 : 256GB / 512GB
- กล้องหลัง : 2 ตัว
- กล้องหลัก 50MP (f/1.79) Sony IMX882
- กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP (f/2.2)
- กล้องหน้า : 32MP (f/2.45)
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอรีโอ
- แบตเตอรี่ : 7,000 mAh
- รองรับชาร์จไว 120W
- การเชื่อมต่อ
- 5G
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 5.4
- NFC
- USB-C 2.0
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือใต้จอ, IR Blasster
- ทนน้ำทนฝุ่น : IP65
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 15 บนพื้นฐาน Android 15
- ขนาด : 163.72 มม. x 75.88 มม. x 8.09 มม.
- น้ำหนัก: 206 กรัม
OPPO Reno13 5G ราคาเริ่มต้น 16,999 บาท
สมาร์ทโฟนรุ่นกลางเน้นกล้อง และการใช้งานไลฟสไตล์ประจำวันจาก OPPO อย่าง OPPO Reno13 5G ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่นสะดุดตาด้วยฝาหลังปีกผีเสื้อ รองรับมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่น IP66 + IP68 + IP69 เป็นครั้งแรกของ Reno Series ทำให้สามารถใช้งานโหมดถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอใต้น้ำได้ด้วย วัสดุกรอบตัวเครื่องทำมาจากอะลูมิเนียมเกรดการบิน และเทคโนโลยีดูดซับแรงกระแทกที่ช่วยให้เบาใจได้หากเกิดอุบัติเหตุเผลอทำสมาร์ทโฟนหลุดมือ
ชุดกล้องหลังของ OPPO Reno13 5G ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล มีกันสั่น OIS และออโต้โฟกัส กล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 116° รองรับออโต้โฟกัส และเลนส์เสริมความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียดอยู่ที่ 50 ล้านพิกเซล มีออโต้โฟกัสเช่นกัน รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS ที่กล้องหลัง และความละเอียด 4K 30FPS สำหรับกล้องหน้า
สุดท้ายคือสเปคชิปประมวลผลของ OPPO Reno13 5G ใช้เป็นชิปเซตจากฝั่ง MediaTek อย่าง Dimensity 8350 ชิประดับรองเรือธง ผลิตบนเทคโนโลยีขนาด 4 นาโนเมตร มีความเร็วการประมวลผลสูงสุด 3.35GHz รองรับการเชื่อมต่อรองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.4 จับคู่พร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5,600mAh และรองรับการชาร์จ 80W SuperVOOC อีกด้วย สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 1% จนถึง 100% ได้ภายใน 49 นาที
สเปคของ OPPO Reno13 5G
- จอภาพ : AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว
- ความละเอียด FHD+ (2,760 x 1,256 พิกเซล)
- สว่างสูงสุด 1200 nits (HBM), 600 nits (Typ)
- อัตรารีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปเซต : MediaTek Dimensity 8350
- RAM LPDDR5X : 12GB
- Storage UFS 3.1 : 256GB/512GB
- กล้องหลัง : 2 ตัว
- กล้องหลัก 50MP (f/1.8) กันสั่น OIS และออโต้โฟกัส
- กล้องอัลตราไวด์ 8MP (f/2.2) รองรับออโต้โฟกัส
- กล้องหน้า : 50MP (f/2.0) รองรับออโต้โฟกัส
- แบตเตอรี่ : 5,600 mAh
- รองรับชาร์จไว 80W SUPERVOOC
- การเชื่อมต่อ
- 5G
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.4
- NFC
- พอร์ต
- USB-C 2.0
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
- ความทนทาน : IP66 / IP68 / IP69
- ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 15 บนพื้นฐาน Android 15
- ขนาด : 157.9 × 74.73 × 7.24 มม.
- น้ำหนัก: 181 กรัม
POCO F7 Pro ราคาเริ่มต้น 15,990 บาท
สมาร์ทโฟนเรือธงทางฝั่ง POCO มีจุดเด่นด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย แต่ได้ชิปเซตประมวลผลระดับเรือธงอย่าง Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งผลิตบนเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร ในราคาเริ่มต้น 15,990 บาท กับความจุ 12GB + 256GB ดีไซน์ตัวเครื่องล้ำยุค หน้าจอขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว จอแสดงผลแบบ Flow AMOLED DotDisplay ความละเอียด 2K รีเฟรชเรทหน้าจอ 120Hz พร้อมความจุแบตเตอรี่ 6,000mAh สามารถใช้งานแบบต่อเนื่องได้นานสุด 15 ชั่วโมง รองรับการชาร์จที่ความเร็ว 90W
สำหรับสเปคกล้องของ POCO F7 Pro จะมาพร้อมกับเซนเซอร์กล้องหลัก Light Fusion 800 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (f/1.6) ขนาดเซนเซอร์ 1/1.55 มีกันสั่น OIS และเซนเซอร์อัลตราไวด์ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/2.2) ให้รายละเอียดภาพที่คมชัด มีมิติของแสงและเงาในภาพสมจริง
สุดท้ายคือระบบจัดการความร้อนด้วยเทคโนโลยี LiquidCool 4.0 พื้นที่ขนาด 5,400 มม. โดยจะเป็นระบบ 3D dual-channel IceLoop ช่วยให้อุณหภูมิของตัวเครื่องลดลงได้สูงสุดถึง 3° ทำงานอยู่บนระบบปฎิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ครอบทับด้วย Android 15 สามารถใช้งานฟีเจอร์ Google Gemini หรือผู้ช่วยอัจฉริยะได้ครบทุกฟีเจอร์ เช่น Gemini Live, Image Generation และการสั่งงานข้ามแอปพลิเคชันที่รองรับ
สเปคของ POCO F7 Pro
- จอภาพ : AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว
- ความละเอียด WQHD+ (3,200 x 1,440 พิกเซล)
- สว่างสูงสุด 3,200 nits
- อัตรารีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปเซต : Snapdragon 8 Gen 3
- RAM LPDDR5X : 12GB
- Storage UFS 4.1 : 256GB/512GB
- กล้องหลัง : 2 ตัว
- กล้องหลัก 50MP (f/1.6) กันสั่น OIS
- กล้องอัลตราไวด์ 8MP (f/2.2)
- กล้องหน้า : 20MP
- แบตเตอรี่ : 6,000 mAh
- รองรับชาร์จไว 90W HyperCharge
- การเชื่อมต่อ
- 5G
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 5.4
- NFC
- พอร์ต
- USB-C 2.0
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือใต้จอแบบอัลตราโซนิก
- ความทนทาน : IP66 / IP68 / IP69
- ระบบปฏิบัติการ : Xiaomi HyperOS 2
- ขนาด : 160.26 × 74.95 × 8.12 มม.
- น้ำหนัก: 206 กรัม