แม่เลี้ยงแอบเปลี่ยนพินัยกรรมพ่อ ลูกแท้ ๆ ทั้ง 3 คน เอะใจ สืบจนรู้เรื่อง ตัดสินใจทำสิ่งนี้ตอบแทน กลายเป็นเรื่องราวอบอุ่นหัวใจ
เว็บไซต์ SOHA รายงานเรื่องราวของครอบครัวชายชาวจีนครอบครัวหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง ครอบครัวของคุณจางถือเป็นแบบอย่างของครอบครัวจีนดั้งเดิม ที่ยึดถือความรักและความกตัญญูเป็นสำคัญ
คุณจาง อดีตวิศวกรผู้เกษียณแล้ว เป็นเจ้าของอะพาร์ตเมนต์หรูในย่านใจกลางเมือง มูลค่ากว่า 2 ล้านหยวน (ประมาณ 7 ล้านบาท) พร้อมเงินเก็บก้อนโตที่สะสมจากการทำงานหนักตลอดชีวิต เขาเคยเป็นเสาหลักของครอบครัว เลี้ยงดูลูกแท้ ๆ ทั้งสามคน ชาย 2 หญิง 1 ให้เติบโตมีหน้าที่การงานและชีวิตที่มั่นคง
หลังจากภรรยาคนแรกเสียชีวิตเมื่อ 20 ปีก่อน คุณจางได้แต่งงานใหม่กับคุณหวัง อดีตพยาบาลผู้เงียบขรึมและอ่อนโยน ซึ่งเคยทำงานที่โรงพยาบาลท้องถิ่น
ในช่วงบั้นปลายชีวิต สุขภาพของคุณจางทรุดโทรมลงจากวัยชราและโรคภัย ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง และในช่วงหลายเดือนสุดท้าย เขาเริ่มสูญเสียความสามารถในการรับรู้ คุณหวังเป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ดูแลทั้งเรื่องยาและอาหารอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ในขณะที่ลูก ๆ ของเขาต่างมีภาระหน้าที่และครอบครัวของตนเอง จึงสามารถมาเยี่ยมได้เพียงบางครั้ง และต่างก็วางใจว่าด้วยประสบการณ์ของอดีตพยาบาล คุณหวังจะดูแลพ่อของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
แต่หลังจากคุณจางต่อสู้กับโรคภัยมานานกว่า 3 ปี เขาก็จากไปอย่างสงบ เมื่อพิธีศพผ่านพ้นและทุกอย่างเสร็จสิ้น ทนายความได้เรียกสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อเปิดเผยพินัยกรรม
ตามเนื้อหาในพินัยกรรม ทรัพย์สินทั้งหมดของคุณจาง รวมถึงอะพาร์ตเมนต์ในปักกิ่ง เงินเก็บจำนวน 5 ล้านหยวน (ประมาณ 22.7 ล้านบาท) และที่ดินแปลงหนึ่งในบ้านเกิด ถูกยกให้ลูก ๆ ทั้งสามคนทั้งหมด ที่น่าประหลาดใจก็คือ ไม่มีการกล่าวถึงคุณหวัง ภรรยาคนปัจจุบันเลย แม้เธอจะเป็นผู้ดูแลเขาอย่างใกล้ชิดในช่วงท้ายของชีวิตก็ตาม
ลูก ๆ ของคุณจาง โดยเฉพาะลูกชายคนโต จาง เว่ย รู้สึกแปลกใจทันที เพราะเขาจำได้ว่า พ่อเคยพูดอย่างชัดเจนว่าต้องการแบ่งทรัพย์สินอย่างเป็นธรรม และตั้งใจให้คุณหวังได้รับส่วนหนึ่งไว้ใช้จ่ายในยามแก่เฒ่า ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงที่พ่อป่วยหนัก คนที่ดูแลอยู่ไม่ห่างก็คือแม่เลี้ยงของพวกเขาเอง
พินัยกรรมถูกเปลี่ยนไปอย่างไร?
เพื่อคลี่คลายความจริง จาง เว่ยเริ่มสืบหาข้อมูล และก็พบความจริงที่คาดไม่ถึง เดิมทีพ่อของเขาเคยจัดทำพินัยกรรมฉบับหนึ่งไว้ โดยแบ่งทรัพย์สินส่วนหนึ่งให้คุณหวังด้วย แต่ต่อมาพินัยกรรมนั้นกลับถูกยกเลิก และมีการจัดทำพินัยกรรมฉบับใหม่ขึ้นในช่วงที่คุณจางแทบไม่รู้สึกตัวแล้ว
เพื่อนคนหนึ่งของครอบครัวซึ่งทำงานในสำนักงานรับรองเอกสารเผยว่า คุณหวังเป็นผู้เชิญเจ้าหน้าที่มาที่บ้านเพื่อจัดทำพินัยกรรมฉบับใหม่นี้ ในช่วงที่สุขภาพของคุณจางอยู่ในสภาพย่ำแย่
เรื่องนี้ทำให้ลูกทั้งสามคนเริ่มสงสัยว่า แท้จริงแล้วคุณหวังอาจตั้งใจเปลี่ยนพินัยกรรม เพื่อให้ทรัพย์สินตกเป็นของลูก ๆ แท้ ๆ โดยสมบูรณ์ บางทีเธออาจกลัวว่าจะเกิดข้อพิพาทในภายหลัง จึงตัดสินใจปฏิเสธการรับมรดกแต่แรกเริ่ม
สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่สุด คือปฏิกิริยาของลูกทั้งสามคน
ระหว่างการประชุมครอบครัวหลังพิธีศพ จาง เว่ย ลูกชายคนโต ได้ลุกขึ้นพูดว่า
“พวกเราไม่อาจรับมรดกทั้งหมดนี้ไว้ได้ พ่อเคยสอนให้เรารู้จักความยุติธรรมและความกตัญญู ถึงแม้พินัยกรรมจะเป็นเช่นไร เราก็ไม่อาจปล่อยให้คุณหวัง ผู้ดูแลพ่ออย่างไม่ห่างเหินในช่วงบั้นปลายชีวิตต้องจากไปมือเปล่า”
น้องสาว จาง หลิน และน้องชายคนเล็ก จาง ห่าว ก็เห็นด้วย และแสดงความขอบคุณต่อคุณหวังจากใจจริง
หลังจากหารือกันอยู่หลายวัน ทั้งสามคนตัดสินใจ ไม่รับทรัพย์สินทั้งหมดตามพินัยกรรมฉบับใหม่ และยื่นเรื่องต่อศาล ขอให้พิจารณาแบ่งทรัพย์สินใหม่ โดยเสนอให้คุณหวังได้รับสิทธิ์อยู่อาศัยในอะพาร์ตเมนต์จนตลอดชีวิต และมีเงินเก็บพอใช้จ่ายอย่างไม่ลำบาก
การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้คุณหวังถึงกับตกใจ น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง
เธอยอมรับว่าเคยเปลี่ยนพินัยกรรมเพราะกลัวว่าลูก ๆ ของคุณจางจะไม่ยินยอมให้เธอได้รับมรดก อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัวที่ไม่จำเป็น พร้อมกับกล่าวคำขอโทษและขอบคุณในความเมตตาและใจกว้างของทั้งสามพี่น้อง
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องราวยังไม่จบเพียงแค่นั้น
เมื่อทั้งสามพี่น้องเห็นว่าคุณหวังอายุมากแล้ว และไม่มีญาติพี่น้องคนใดอยู่ที่ปักกิ่ง พวกเขาก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมาย จาง เว่ย, จาง หลิน และจาง ห่าว ผลัดกันดูแลคุณหวัง เหมือนเช่นที่เธอเคยดูแลพ่อของพวกเขาอย่างสุดหัวใจ
จากหญิงชราผู้เคยหวาดกลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง คุณหวังกลับกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของครอบครัว ช่วงบั้นปลายชีวิตของเธอจึงเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและความรักจากลูกเลี้ยงทั้งสาม สิ่งที่เธอไม่เคยกล้าฝันว่าจะได้รับเลยตลอดชีวิต