ยังจำได้ไหม? ย้อน 5 คดีดังสะท้านเมือง กับจุดจบความเหี้ยม "ประหารชีวิต" รายล่าสุด "แอม ไซยาไนด์"
คดีดังสะท้านเมืองที่ผู้ก่อเหตุลงมือด้วยความเหี้ยมเกรียม และทารุณโหดร้าย มักจะมีจุดจบบรรทัดสุดท้ายที่โทษประหารชีวิต เหมือนคดีดัง 5 คดีดังต่อไปนี้
คดีแรก "แอม ไซยาไนด์" ล่าสุด 20 พ.ย.2567 ศาลอาญา พิพากษาประหารชีวิต เธอในคดีวางยาพิษหวังชิงทรัพย์ ขณะที่อดีตสามีจำคุก 1 ปี 4 เดือน ทนายพัชจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา สั่งชดใช้ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งมีรายงานข่าวว่า ทันทีที่ ได้ยินคำพิพากษา จำเลยทั้ง 3 คน ไม่มีท่าทีสลดหรือแสดงอาการเสียใจแต่อย่างใด
คดีที่ 2 คือคดี "โจ้ถุงดำ" โดย วันที่ 8 มิ.ย. 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาประหารชีวิต อดีตผู้กำกับโจ้ และจำเลยอีก 5 คน ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากเยียวยาจ่ายค่างานศพ และมอบค่าเสียหายให้พ่อแม่ผู้เสียชีวิตรวม 6 แสนบาท ส่วนผู้ต้องหาอีกรายด.ต.ศุภากรมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ลงโทษ 5 ปี 4 เดือน
ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2564 ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ จับกุมผู้ต้องหา สองสามีภรรยาพร้อมกับยาเสพติด 1 แสนเม็ด บนถนนสายเลี่ยงเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นได้นำตัวมาที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ มีการเรียกเงินจากผู้ต้องหา 2 ล้านบาท ผู้ต้องหายอมจ่าย 1 ล้านบาท แต่ตำรวจบอกจะเอา 2 ล้านบาท หลังจากนั้นผู้กำกับโจ้ ได้นำถุงดำมาคลุมหัวผู้ต้องหาชายจนเสียชีวิต และถูกพิพากษาว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและกระทำด้วยการทรมานทารุณโหดร้ายฯ
คดีที่ 3 คือ "ผอ.กอล์ฟ" อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรีจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นฯ, พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน โดยปล้นชิงทรัพย์ ร้านทองแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้า จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2563 โดยศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลย เป็นการกระทำอย่างอุกอาจ ในห้างสรรพสินค้าอันเป็นที่สาธารณะ กระทำต่อผู้บริสุทธิ์มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน และคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย
”เป็นพฤติการณ์อุกอาจโหดเหี้ยมอันตรายร้ายแรงผิดมนุษย์ จำเลยเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียนควรมีจิตสำนึกที่ดี ให้สมกับมีอาชีพเป็นครู ควรประพฤติตัวให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่กลับกระทำอย่างอุกฉกรรจ์ จำเลยขอความปรานีจากศาลเพื่อลดโทษให้ จึงไม่มีเหตุสมควร ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นจึงพิพากษายืนลงโทษประหารชีวิต”
คดีที่ 4 "นายเกม" หรือ วันชัย แสงขาว พนักงานเอาต์ซอร์สของการรถไฟแห่งประเทศไทย ปี 2557ก่อคดีข่มขืน ฆ่าน้องแก้มในโบกี้รถไฟ สายใต้ ก่อนอำพรางคดีโยนศพออกหน้าต่างทิ้งลงในป่าข้างทางรถไฟ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษาประหารชีวิต ทางด้าน นายเกมขอไม่ใช้สิทธิในการยื่นฎีกา ส่งผลให้คดีถึงที่สุดตามกฎหมาย และนายวันชัยต้องรับโทษประหารชีวิตตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีที่ 5 นายกิตติกร วิกาหะ หรือ “ไอ้ตั้ม” และ นายสุพัฒชัย คดีฆ่าปาดคอชิงไอโฟนนายวศิน บัณฑิตหนุ่มจากรั้ว มศว. ขณะกำลังเดินทางกลับที่พัก 2คนร้าย ใช้มีดพยายามจะชิงไอโฟน 6 ที่อยู่ในมือของนายวศิน แต่นายวศินไม่ยอมและเกิดการต่อสู้กัน คนร้ายจึงใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิต ต่อมาศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยทั้ง 2 ให้การรับสารภาพมาโดยตลอด ทั้งชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกตลอดชีวิต
ทั้งนี้ ยังมีคดีที่ถูกตัดสินประหารชีวิตและถูกประหารไปแล้วอีก 5 คดี คือ
- ปี 2538 นายสมศักดิ์ พรนารายณ์ ก่อคดีข่มขืนแล้วใช้สายไฟรัดคอเด็กสาววัย 15 ปี ถูกประหารชีวิต เมื่อปี 2542
- นายพันธุ์ สายทอง ก่อเหตุข่มขืน ฆ่า ด.ญ.วัย 5 ขวบ ในห้องน้ำโรงเรียนย่านบางพลัดถูกประหารชีวิตไปเมื่อปี 2542
- ปี 2539 นายเดชา สุวรรณสุก ข่มขืน ฆ่าลูกสาววัย 4 ขวบถูกประหารชีวิต เมื่อปี 2542
- ปี2539 นายเก้า ปั้นหยัด ข่มขืน ฆ่า ด.ญ.วัย 10 ขวบ ใน อ.เมือง จ.นครปฐม ถูกประหารชีวิต เมื่อปี 2542
- ปี2541 นายอำไพ ใสโพธิ์ ข่มขืน ฆ่า ด.ญ.วัย 2 ขวบเศษ ใน จ.บุรีรัมย์ ถูกประหารชีวิตไป เมื่อปี 2544