พ่อจีนใจร่วง พบจดหมายขู่รีดเงินในกางเกงลูกชายวัย 11 ขวบ วอนครูช่วยกลับโดนเมินเฉย ครอบครัวลั่น "นี่ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่น!" สะท้อนปัญหาบูลลี่ในโรงเรียน
เกิดเหตุการณ์ที่กำลังเป็นกระแสบนโซเชียลมีเดียประเทศจีน เมื่อผู้ปกครองรายหนึ่งได้ออกมาเล่าประสบการณ์สุดสะเทือนใจ หลังพบว่าลูกชายวัย 11 ปีเริ่มแสดงอาการหวาดกลัวอย่างผิดปกติเมื่อต้องไปโรงเรียน ซึ่งครอบครัวเคยเข้าใจว่าเป็นเพียงความเครียดจากการเรียน แต่เรื่องกลับไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
วันหนึ่ง ขณะช่วยลูกจัดเสื้อผ้า พ่อได้พบกระดาษแผ่นเล็กหล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อหยิบขึ้นมาอ่านกลับต้องตกตะลึง เพราะบนกระดาษมีข้อความเขียนไว้ว่า "พรุ่งนี้เอาเงินมา 20 หยวน ไม่งั้นจะโดนซ้อมตาย!"
ด้วยความตกใจและเป็นห่วงลูก พ่อจึงรีบแจ้งเรื่องไปยังคุณครูประจำชั้นทันที หวังให้มีการตรวจสอบและปกป้องนักเรียนจากพฤติกรรมรุนแรง แต่สิ่งที่ได้รับกลับคือท่าทีเฉยเมย ครูตอบเพียงว่า "เด็กแค่หยอกกันเล่นเท่านั้นเอง"
คำตอบดังกล่าวสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับครอบครัว เมื่อสอบถามลูกชายอย่างจริงจัง เด็กจึงยอมรับว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก และคนที่เขียนกระดาษข่มขู่ก็เป็นเพื่อนนักเรียนคนเดิมที่เคยรีดไถเงินหลายครั้ง โดยครั้งนี้ถึงขั้นเขียน "จดหมายเรียกค่าไถ่" เลยทีเดียว
ครอบครัวยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เพราะหากครั้งแรกเป็น 20 หยวน แล้วครั้งต่อไปอาจกลายเป็น 200 หรือ 2,000 หยวน หากไม่มีใครยับยั้ง พฤติกรรมบูลลี่จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การข่มขู่หรือบีบบังคับเพื่อนในวัยเรียนไม่ได้เริ่มจากการทำร้ายร่างกายทันที แต่มักเริ่มจากการทดลองขอบเขตที่ทำได้ เช่น การขอเงิน การขู่ หรือแม้แต่สายตาที่กดดัน เพื่อดูว่าผู้ใหญ่จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
สอดคล้องกับที่มีชาวเน็ตคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นไว้อย่างน่าคิดว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่มันคือการทดสอบขอบเขต ถ้าเราปล่อยผ่าน ก็เท่ากับสนับสนุนให้มีครั้งต่อไป" การที่ครูและโรงเรียนแสดงท่าทีละเลยต่อปัญหาเล็กๆ อย่างนี้ อาจกลายเป็นการ "เปิดทาง" ให้พฤติกรรมรุนแรงเติบโตโดยไม่มีใครหยุดยั้ง เด็กที่ถูกรังแกก็จะยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว ขาดที่พึ่ง และไม่กล้าเปิดปากพูดอีกเลย
คำถามสำคัญคือ "ทำไมผู้ใหญ่ถึงมองข้าม?" หลายครั้งผู้ใหญ่มีแนวโน้มจะมองข้ามความรู้สึกและความเจ็บปวดของเด็ก ด้วยคำพูดอย่าง "เด็กแค่นี้ หยอกกันเฉยๆ" ทั้งที่หากลองนึกภาพตัวเองเป็นเด็ก 11 ปีที่ถูกข่มขู่ ถูกรีดไถ และไม่มีใครปกป้อง ก็จะเข้าใจว่านี่ไม่ใช่ "เรื่องเล่นๆ" เลยแม้แต่น้อย
เพียงแค่กระดาษหนึ่งแผ่น คำพูดหนึ่งคำ หรือสายตาหนึ่งครั้ง ก็สามารถทิ้งรอยแผลในจิตใจเด็กไปตลอดชีวิต การแก้ปัญหาบูลลี่ในโรงเรียน ไม่ได้อยู่ที่กล้องวงจรปิดหรือกฎระเบียบยืดยาว สิ่งสำคัญคือ "ทัศนคติของผู้ใหญ่" โดยเฉพาะครูและผู้ปกครอง ที่ต้องกล้าหยุดพฤติกรรมผิดตั้งแต่ครั้งแรก ต้องไม่กลัวความวุ่นวาย หรือกลัวว่าจะต้องเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น
หากโรงเรียนจัดการอย่างจริงจังตั้งแต่สัญญาณแรก เด็กนักเรียนจะรู้ทันทีว่าพฤติกรรมบูลลี่จะไม่ถูกรับรอง และส่วนใหญ่จะไม่กล้าทำอีก เราต้องสอนให้เด็กกล้าพูด แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เมื่อเด็กพูดแล้ว จะมีผู้ใหญ่ที่ "ฟังและลงมือทำ" เพราะการเพิกเฉยของผู้ใหญ่ คือการยืนยันกับเด็กว่า ไม่มีใครจะยืนข้างเขาเลย
- เอะใจ ลูกชายไม่ยอมไปเรียน น้ำหนักลดฮวบ 13 กก. ค้นห้องเจอ "หลักฐาน" หัวอกแม่เจ็บปวด
- งานเข้า! ครูอนุบาลถักผมให้เด็ก ทำแม่ปรี๊ดแตก ลากลูกสาวไปห้อง ผอ. ร้องไล่ครูออก