ในทุกวันของเรา "การอาบน้ำ" อาจดูเป็นกิจวัตรธรรมดา แต่เบื้องหลังนั้นเกี่ยวพันกับทั้งสุขอนามัยส่วนตัวและการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ระหว่างการ "อาบน้ำด้วยฝักบัว" กับการ "ใช้ขันตักอาบ" แบบไทยๆ แบบไหน "สะอาดกว่า" และแบบไหน "ประหยัดน้ำ" มากกว่า?
คำตอบอาจไม่ตายตัว แต่เมื่อมองผ่านแง่มุมของพฤติกรรม การใช้งานจริง และความสะดวก เราก็สามารถหาคำตอบที่เหมาะกับวิถีชีวิตของแต่ละคนได้ไม่ยาก
ด้านความประหยัดน้ำ
ขันตักอาบ – ประหยัดกว่า "โดยเฉลี่ย"
การใช้ขันตักน้ำจะช่วยให้คุณควบคุมปริมาณน้ำที่ใช้ได้ง่ายกว่า คนทั่วไปใช้ขันประมาณ 5–10 ลิตรต่อการอาบน้ำ 1 ครั้ง ขณะที่การใช้ฝักบัว หากเปิดทิ้งไว้ตลอดการอาบน้ำอาจใช้ถึง 40–60 ลิตรต่อครั้ง (หรือมากกว่า)
เว้นแต่ว่าคุณจะเปิดฝักบัวเป็นจังหวะ (เช่น ปิดตอนถูสบู่) ก็สามารถประหยัดน้ำได้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับการใช้ขัน หรืออาจจะประหยัดกว่าด้วยซ้ำ
ด้านความสะอาด
ฝักบัว – สะอาดกว่า "หากใช้อย่างถูกวิธี"
น้ำจากฝักบัวไหลผ่านร่างกายลงพื้นทันที ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกออกไปได้ดีกว่า ในขณะที่การใช้ขันตักอาจมีการใช้น้ำซ้ำ (ในกะละมังหรือถัง) หรือมือสัมผัสซ้ำ จึงอาจมีโอกาสปนเปื้อนบ้างหากไม่สะอาดจริง รวมไปถึงการราดตัวที่น้ำอาจไม่สัมผัสผิวกายทั้งหมดด้วย
อย่างไรก็ตาม ถ้าระบบน้ำไม่สะอาด หรือหัวฝักบัวมีคราบสะสม ก็อาจทำให้สะอาดน้อยลงได้เช่นกัน
ข้อแนะนำ
- หากใช้ฝักบัว ควรเลือกแบบ หัวเล็กหรือประหยัดน้ำ (low flow)
- หากใช้ขัน ควรมั่นใจว่า ถังน้ำและขันสะอาด และไม่นำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเลือกอาบน้ำด้วยฝักบัวหรือใช้ขันตักอาบ ต่างก็มีข้อดีและข้อควรระวังในแบบของตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือ "การใช้อย่างมีสติและความรับผิดชอบ" เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีไหน ท้ายที่สุดแล้ว สุขอนามัยที่ดีและการประหยัดทรัพยากรควรมาพร้อมกันเสมอ